วันพุธที่ 17 ธันวาคม พ.ศ. 2551

"แม้ว"โฟนอินงาน"แก๊งหัวขวด"ลั่นต้องกลับไทยให้ได้




วีระ” นำแก๊งหัวขวด จัดงานระดมทุน ขายโต๊ะจีนโต๊ะละ 5 แสน อุ้ม “ความจริงวันนี้” ในโรงแรมหรู บรรยากาศสุดเงียบเหงา คนร่วมบางตา ไร้เงากลุ่มทุนมาร่วม มีเพียง ส.ส.และกรรมการบริหารพรรคเพื่อไทย อ้างได้เงิน 17.50 ล้าน เป็นทุนต้านรัฐบาล ปชป. "นายใหญ่"เซอร์ไพรส์ โฟนอินเข้างาน ลั่นต้องกลับประเทศไทยให้ได้


แกนนำผู้ดำเนินรายการ “ความจริงวันนี้” ประกอบด้วย นายวีระ มุสิกพงศ์ นายจตุพร พรหมพันธุ์ นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ และ นายก่อแก้ว พิกุลทอง ร่วมกันจัดงานระดมทุนอุ้มความจริงวันนี้ ที่ห้องแกรนด์บอลรูม โรงแรมมิราเคิล แกรนด์ คอนเวนชั่น โดยบรรยากาศภายในงานซึ่งเริ่มต้นมาตั้งแต่เวลา 18.00 น.เป็นไปด้วยความเงียบเหงามีผู้เข้าร่วมงานบางตา มีเพียง ส.ส.และกรรมการบริหารพรรคเพื่อไทยเข้าร่วมงาน นายวีระ กล่าวว่า ทางผู้จัดได้จัดเตรียมโต๊ะจีนไว้จำนวนทั้งสิ้น 70 โต๊ะ ราคาโต๊ะละ 500,000 บาท ซึ่งการจัดงานในวันนี้เป็นเพียงการนัดรับประทานอาหารกันธรรมดาไม่มีอะไรเป็นพิเศษ ส่วนรายได้นั้นได้บอกไปแล้วว่าเป็นการหาเงินอุ้มรายการความจริงวันนี้ ส่วนจะนำเงินไปเช่าช่องสัญญาณ เพื่อเป็นช่องทางในการออกอากาศรายการความจริงวันนี้ หลังถูกยุติการออกอากาศทางสถานีโทรทัศน์ NBT หรือไม่ ยังไม่สามารถให้คำตอบได้แน่ชัด ทั้งนี้ จะต้องมีการปรึกษาหารือกันอีกครั้งว่าจะดำเนินการอย่างไร นายวีระ ยังกล่าวด้วยว่า ตนไม่ทราบว่าจะมีบุคคลสำคัญทางการเมืองบุคคลใดเดินทางเข้าร่วมงานในครั้งนี้หรือไม่ อย่างไรก็ตาม การจัดงานวันนี้ได้เงิน 17.5 ล้านบาท จากเป้าหมาย 35 ล้านบาท โดยไม่ได้ระบุว่ามีใครมาซื้อโต๊ะบ้าง แต่บอกว่าจะใช้เงินจำนวนนี้ใหเกิดประโยชน์สูงสุด โดยเฉพาะการรักษาประชาธิไตย โดยจะต่อต้านรัฐบาลที่มีนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ เป็นนายกรัฐมนตรีให้ถึงที่สุด ต่อมา เวลา 21.30 น. ในช่วงที่นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ พูดบนเวที โดยพูดถึงสาเหตุที่ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ยุติการการโฟนอินเมื่อวันที่ 13 ธ.ค. ปรากฏว่ามีสุภาพสตรีคนหนึ่งยื่นโทรศัพท์ให้นายณัฐวุฒิ จากนั้นนายณัฐวุฒิ ได้ประกาศว่าปลายสายเป็น พ.ต.ท.ทักษิณ จึงได้เปิดเสียงลำโพงโทรศัพท์ผ่านไมโครโฟน ซึ่งมีความยาวประมาณ 10 นาที โดยมีเนื้อว่า “ผมเข้าใจว่าผู้รักประชาธิปไตยคงขมขื่นไม่แพ้กับตน เพราะถูกคุกคามทุกรูปแบบ วันนี้มีการไม่เคารพการตัดสินใจของประชาชนเป็นสิ่งที่น่ากลัวมาก เมื่อไม่ให้การเคารพก็แสดงว่าไม่รับฟังเสียงของประชาชน “วันนี้มีการทำทุกวิถีทางตั้งกติกาเพื่อเปลี่ยนขั้วอย่างเดียวเริ่มต้นด้วยการปฏิวัติ แต่เมื่อเลือกตั้งประชาชนก็ยังเลือกขั้วเดิม ใช้ทั้งทหาร พรรคประชาธิปัตย์ ใช้ทั้งศาล สิ่งที่เกิดขึ้นวันนี้คนไทยไม่ได้โง่ทุกคนรู้คนต่างประเทศก็รู้ สิ่งที่เลวร้ายคือความน่าเชื่อถือต่อไทย สิ่งที่เลวร้ายกว่าจะตามมาคือเรื่องความเชื่อมั่น และการลงทุนเมื่อเกิดหายนะทางเศรษฐกิจปัญหาสังคมก็จะตามมา “ผมไม่ห่วงตัวเองผมปรับตัวได้แต่ผมเป็นห่วงประเทศของเรา วันนี้ทุกเวทีโลกก็พยายามพูดคุยกันเพื่อแก้ปัญหาแต่ของเรากับทะเลาะกันเองทำกติกาทุกอย่างเพื่อชำระล้างแค้น ถ้าขืนปล่อยต่อไปอย่างนี้ไม่รู้อนาคตประเทศและลูกหลานจะไปทางไหน “ห่วงประชาธิปัตย์เป็นรัฐบาลไม่รู้อนาคตของประเทศไทยจะไปทางไหน ผมไม่ได้ห่วงที่พรรคประชาธิปัตย์เป็นรัฐบาลเพราะคราวที่แล้วก็มีการช่วยกันเต็มที่ก็ยังไม่ได้มา วันนี้ผมเป็นห่วงฝีมือว่าเขาทำงานได้แค่ไหน แต่ก็คงยาก วันนี้ยังแย่งเก้าอี้กันยังไม่จบ มีทั้งการจ่ายเงินซื้อตัว ซื้อเก้าอี้ ให้รถ ซึ่งเลวร้ายกว่าการซื้อเสียง คือการซื้อคน “ผมไม่เคยคิดว่าคนทำงานทุ่มเทจะโดนขนาดนี้ สำหรับผมก็ไม่รู้ว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเพราะอะไร เหตุที่เกิดคือคำหนึ่งที่พูดว่าผมไม่จงรักภักดี สำหรับผมหนักที่สุด ซึ่งผมไม่เคยคิดแต่ก็มีการกระทำทุกอย่างที่จะคอนเฟิร์มว่าผมไม่จงรักภักดี จนสุดท้ายกติกาบ้านเมืองเสียหายหมด คนไทยลำบากหมด ไม่รู้ทำเพื่ออะไร เขาบอกผมเป็นตัวปัญหาซึ่งความจริงแล้วมันไม่ใช่ แต่ก็ไม่รู้จะพูดอย่างไร ก็ได้แต่เสียใจ”พ.ต.ท.ทักษิณ กล่าว พ.ต.ท.ทักษิณ กล่าวอีกว่า ขอเป็นกำลังใจให้พี่น้องชาวเสื้อแดง เพราะเสียสละรักชาติ และอยากขอฝากว่าบ้านเมืองเป็นมรดก เราจะต้องช่วยกันดูแล โดยขอให้ปฏิบัติตามกฎหมายเพื่อปกป้องประชาธิปไตย เพราะเราไม่มีเส้น ไม่มีทหารนำไปยึดสถานที่ต่างๆ มีแค่หัวใจ ที่รักประชาธิปไตยก็ต้องต่อสู้ในกรอบ สื่อหลายฝ่ายก็ถูกปิดกั้น หลายส่วนก็ไม่ชอบเรา หลายส่วนก็มีอุดมการณ์แต่ก็ทำอะไรไม่ได้ขอให้พี่น้องระมัดระวังตัว คนดี “และขอขอบคุณอีกครั้งในทุกอย่าง ผมเป็นหนี้บุญคุณกับท่าน ตอบแทนเมื่อมีโอกาสได้กลับ ผมมั่นใจว่าจะได้กลับมา ไม่ว่าจะในสภาพไหน แต่ก็ได้กลับมา แต่ไม่กลับมาในสภาพหมดลมหายใจแน่นอน” พ.ต.ท.ทักษิณ กล่าว นายจตุพร พรหมพันธุ์ ผู้จัดรายการความจริงวันนี้ ได้เปิดเผยว่าโทรศัพท์เครื่องที่พ.ต.ท.ทักษิณโทรเข้ามานั้นเป็นเครื่องของเพื่อนสนิท พ.ต.ท.ทักษิณ ที่มาร่วมงานด้วย ซึ่งได้ต่อสายไปหา พ.ต.ท.ทักษิณ ให้ อนึ่ง รายการ “ความจริงวันนี้” ซึ่งเริ่มออกอากาศทางสถานีโทรทัศน์เอ็นบีทีมาตั้งแต่วันที่ 21 ก.ค.2551 ขณะที่ นายสมัคร สุนทรเวช ยังเป็นนายกรัฐมนตรี โดย นายสมัคร ต้องการใช้รายการนี้เพื่อตอบโต้พันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ที่ชุมนุมขับไล่รัฐบาลมาตั้งแต่วันที่ 25 พ.ค.ปีเดียวกัน แต่เมื่อเริ่มรายการได้ให้ นายวีระ มาเป็นผู้จัดรายการแทน เนื่องจากติดเงื่อนไขสัญญากับเอกชน อย่างไรก็ตาม รายการดังกล่าวถูกวิพากษ์วิจารณ์จากสังคมทั่วไปว่า ให้ความจริงเพียงด้านเดียว เพื่อที่จะปกป้อง “ระบอบทักษิณ” เป็นวัตถุประสงค์หลัก จึงถูกเหน็บแนมว่า เป็นรายการ “ความเท็จวันนี้” บ้าง ขณะที่ผู้ดำเนินรายการก็ถูกตั้งฉายา “สามเกลอหัวขวด” บ้าง เพราะไม่ได้ให้ข้อมูลข่าวสารที่เป็นประโยชน์ต่อสังคมส่วนรวม นอกจากสร้างความแตกแยกเท่านั้น จนกระทั่งหลังจากศาลรัฐธรรมนูญมีคำวินิจฉัยยุบพรรคพลังประชาชน และพรรคร่วมรัฐบาลอีก 2 พรรค ทำให้ นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ พ้นจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรี ขณะเดียวกัน กลุ่มของ นายเนวิน ชิดชอบ หันไปสนับสนุนพรรคประชาธิปัตย์ พร้อมกับพรรคร่วมรัฐบาลเดิม ทำให้ขั้วพรรคประชาธิปัตย์จัดตั้งรัฐบาลได้สำเร็จ ทางสถานีโทรทัศน์เอ็นบีที จึงขอใช้สิทธินำเวลาของรายการไปจัดรายการพิเศษตั้งแต่วันที่ 11 ธ.ค.เป็นต้นมา จนกระทั่งวานนี้ (16 ธ.ค.) ทีมงาน “ความจริงวันนี้” ได้แถลงข่าวประกาศยุติการร่วมงานกับเอ็นบีทีหลังจากหมดสัญญาในสิ้นเดือนนี้ และจะหาช่องทางอื่นในการออกอากาศต่อไป

ไม่มีความคิดเห็น: