วันพุธที่ 17 ธันวาคม พ.ศ. 2551

ตราบาป7ตุลาเลือด สุชาติ เหมือนแก้ว - อำนวย นิ่มมะโน รอดยาก !!!







หลังเสร็จสิ้นการโหวตนายกรัฐมนตรี คนที่ 27 ของประเทศไทย ที่ "นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ" หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ได้รับชัยชนะโดยไม่มีการพลิกโผ ทุกภาคส่วนที่ต้องทำงานร่วมกับรัฐบาลก็จะเกิดแรงกระเพื่อมดั่งคลื่นที่ถาโถมเข้ามา โดยเฉพาะแวดวงสีกากี เพราะเมื่อการเมืองเปลี่ยนขั้ว การดึงบุคคลในสังกัดเข้ามานั่งทำงานในตำแหน่งสำคัญถือเป็นเรื่องปกติ โดยเฉพาะสำนักงานตำรวจแห่งชาติ และกองบัญชาการตำรวจนครบาล ที่ถือเป็นหน่วยงานหลักที่ต้องดูแลเมืองหลวง เป็นที่รู้กันว่าการก้าวเข้ามานั่งเก้าอี้ ผู้นำนครบาล ของ "พล.ต.ท.สุชาติ เหมือนแก้ว"เพราะได้รับคำสั่งจากใครบางคนที่ไม่พอใจกับการปฏิบัติปราบปรามกลุ่มม็อบพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ของ "พล.ต.ท.อัศวิน ขวัญเมือง"ที่เหมือนกับอ่อนข้อ ทำให้ม็อบได้ใจฮึกเหิม จนตัวเองต้องกระดอนไปนั่งตบยุงอยู่ในสำนักงานตำรวจแห่งชาติ และเพราะ “บิ๊กเบื๊อก” เป็นเพื่อนร่วมรุ่น นรต.26 ของ "พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร"อดีตนายกรัฐมนตรี ความพยายามที่จะผลักดันม็อบพันธมิตร ก้างชิ้นโตที่ขวางคออยู่ เพื่อเปิดทางให้ รัฐบาล"สมชาย"ทำงานได้อย่างแคล่วคล่องว่องไว จึงต้องตกมาเป็นการบังคับสั่งการของ น.1 คนใหม่ ด้วยบุคลิก “อ่อนนอก แข็งใน” จึงเชื่อว่าคำสั่งที่ได้รับมาในการสลายม็อบจะสำเร็จได้อย่างลุล่วง แต่เหตุการณ์กลับไม่เป็นเช่นนั้น เพราะหลังเข้ารับตำแหน่งได้เพียง 7 วัน เช้าวันที่ 7 ตุลาคม 2551 ซึ่งเป็นวันที่รัฐบาล "นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์"นายกรัฐมนตรี จะต้องแถลงนโยบาย แต่เพราะพันธมิตรฯที่พยายามขัดขวางไม่ให้กลุ่ม ส.ส. และคณะรัฐมนตรีเข้าไปยังอาคารรัฐสภาได้ จึงเกิดการปะทะกันขึ้น ถึงขนาดมีการสั่งยิงแก๊สน้ำตาใส่ประชาชนจนมีผู้บาดเจ็บและเสียชีวิต นั่นถือเป็นผลงานที่โดดเด่นที่สุดของ “บิ๊กเบื๊อก” พล.ต.ท.สุชาติ ผบ.เหตุการณ์ หลังเข้ารับตำแหน่งแม่ทัพนครบาล วันที่เข้ารับตำแหน่งนครบาล “บิ๊กเบื๊อก” คงเหมือนรู้ชะตากรรมตัวเองในอนาคต ที่ได้เผลอปากหลุดคำพูดแบบทีเล่นทีจริง กับเพื่อตำรวจด้วยกัน ว่า “ตอนนี้ต้องเอาตัวเองให้รอดก่อน จะอยู่จนครบเทอมหรือเปล่ายังไม่รู้เลย” อีกรายที่อาจจะถูกคลื่นซัดสาด จนกระเด้งกระดอน คงต้องเป็น “นวยทนได้” ที่ไม่เกี่ยวกับโฆษณา “สีทนได้” สายล่อฟ้า ประจำ บช.น. "พล.ต.ต.อำนวย นิ่มมะโน" รอง ผบช.น. เพราะผลงานที่ผ่านมา ช่างเข้าตาดีเหลือหลาย ไม่ว่าจะเป็นการกล่าวโทษกลุ่มพันธมิตรฯ ถึงขนาดป้ายความผิดในข้อหา ก่อการร้าย เนื่องมาจากการปิดสนามบินสุวรรณภูมิ และยังขู่ เหล่าผู้ให้การสนับสนุนพันธมิตรฯ ว่าจะต้องถูก ปปง. เข้าตรวจสอบเส้นทางการเงิน ถึงขนาดที่จะยึดทรัพย์ ตามกฎหมายฟอกเงินอีกต่างหาก แต่เมื่อสถานะทางการเมืองยังไม่นิ่งเท่าที่ควร ตำแหน่งผู้นำนครบาลคนใหม่ก็ยังไม่มีการฟันธง หรือคอนเฟิร์ม อย่างที่หมอดูชื่อดังหาญกล้า คงต้องเป็นการมองข้ามช็อตไปถึงการปรับเปลี่ยนโยกย้ายกลางปีช่วง เดือนเมษายน แต่รายชื่อหนึ่งที่ไม่อาจจะมองข้ามไปได้คงต้องเป็น “บิ๊กตุ๊” พล.ต.ท.กฤษฎา พันธุ์คงชื่น ผบช.ภ.3 ลูกหม้อนครบาลคนสำคัญ และเป็นนักสืบมือดี ที่ปั้นลูกศิษย์ดัง ๆ มาแล้วมากมาย แต่เพราะขั้วอำนาจเก่าที่ยังต้องการมือไม้ ที่สั่งการได้โดยง่าย ทำให้ หลายรายถูกกระเด้งกระดอนออกไปอยู่นอกหน่วยเป็นทิวแถว หาก ชื่อของ “บิ๊กตุ๊” อยู่ในแคนดิเดต คงหวังลึก ๆ อยากนั่งตำแหน่งแม่ทัพเมืองหลวง คงจะเป็นสิ่งพิเศษเพราะการได้เดินตามรอยเท้า พล.ต.อ.มนต์ชัย พันธุ์คงชื่น อดีตอธิบดีกรมตำรวจ ผู้เป็นบิดาที่เคยนั่งตำแหน่งนี้มาก่อน คงไม่เกิดขึ้นบ่อยในประวัติศาสตร์วงการตำรวจ แต่เมื่อฟ้าเปลี่ยนสี การเมืองเปลี่ยนขั้ว ใครจะรู้ คนที่จะเข้ามารับตำแหน่ง ผบช.น. อาจจะพลิกโผ เป็นข้าวนอกนา ที่คว้าชิ้นปลามันไปกินอย่างเอร็ดอร่อยก็เป็นได้ จะอย่างไรก็ตาม ในวันศุกร์ที่ 19 ธ.ค.นี้ คงได้รู้กันแล้วว่า ข้อเท็จจริงในการสลายชุมนุม 7 ตุลาเลือดของคณะอนุกรรมการสิทธิมนุษยชน ที่มี"นายสุรสีห์ โกศลนาวิน" เป็นประธาน กำลังจะปรากฏผลขึ้น โดยในข้อเท็จจริงดังกล่าวที่จะถูกส่งไปยัง ป.ป.ช.นั้น มีชื่อของ พล.ต.ท.สุชาติ เหมือนแก้ว ผบช.น. และพล.ต.ต.อำนวย นิ่มมะโน รองผบช.น.อยู่ด้วย และหาก ป.ป.ช.ชี้มูลว่าผิด ทั้ง พล.ต.ท.สุชาติ และพล.ต.ต.อำนวย คงไม่ต่างไปจาก พ.ต.อ.ฤทธิรงค์ เทพจันดา หรือ"โอ๋ สืบ6"ที่ขณะนั้น เพียงแค่ปล่อยกุ๋ยเข้าทำร้ายประชาชน แต่กับกรณีนี้ ประชาชนถึงขั้นบาดเจ็บและเสียชีวิต ซึ่งหนักหนาสาหัสกว่าหลายเท่านัก ถึงขั้นนี้แล้ว สงสัยทั้งผู้บัญชาการเบื๊อก และรองนวยฯคงรอดยาก....!

ไม่มีความคิดเห็น: