วันอังคารที่ 25 พฤศจิกายน พ.ศ. 2551

'แม้ว'จ้อสื่อนอกกระทบเบื้องสูง

เอเอฟพี - สื่อต่างประเทศอ้างคนใกล้ชิดปัดข่าว "แม้ว" เตรียมเดินทางกลับไทยช่วงคริสต์มาสหรือปีใหม่ ขณะที่อดีตนายกรัฐมนตรีให้สัมภาษณ์สำนักข่าวอาหรับโจมตีอังกฤษที่เพิกถอนวีซ่าไม่ให้เขาเข้าประเทศ พูดจากระทบเบื้องสูงจะกลับบ้านก็ต่อเมื่อประชาชน และพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวต้องการให้กลับ เว็บไซต์ของหนังสือพิมพ์สเตรทไทม์สรายงานว่านายพงษ์เทพ เทพกาญจนา โฆษกของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ออกมาปฏิเสธข่าวลือว่าอดีตนายกรัฐมนตรีรายนี้กำลังคิดถึงการกลับไทยในช่วงคริสตร์มาส วันที่ 25 ธันวาคมหรือเทศกาลปีใหม่ "เขาไม่เคยพูดถึงเรื่องนี้กับผม แม้แต่การสนทนากันทางโทรศัพท์ครั้งสุดท้ายเมื่อสัปดาห์ก่อน" นายพงษ์เทพกล่าว พร้อมระบุว่าหากเดินทางกลับ ทักษิณ จะต้องถูกนำตัวไปคุมขังทันทีเพราะว่าเขาถูกพิพากษาว่ามีความผิดฝ่าฝืนกฎหมายผลประโยชน์ขัดแย้งระหว่างดำรงตำแหน่ง หนังสือพิมพ์สเตรทไทม์ได้อ้างคำสัมภาษณ์ของนายนพดล ปัทมะ ทนายความของทักษิณ ที่ระบุเช่นกันว่าไม่มีความปลอดภัยหากทักษิณ จะกลับมาแม้แต่ในคุกก็ตาม "เขาจะไม่ปลอดภัยในเรือนจำ อะไรจะเกิดขึ้นหากพวกเขาปล่อยให้คนบ้าเข้าใกล้เขา" นายนพดลกล่าว ก่อนหน้านี้เว็บไซต์ www.arabianbusiness.com รายงานข่าว "ทักษิณ" ให้สัมภาษณ์ตำหนิโจมตีอังกฤษที่เพิกถอนวีซ่าไม่ให้เขาเข้าประเทศ พร้อมกับประกาศด้วยว่า จะเดินทางกลับประเทศในฐานะนายกรัฐมนตรี รายงานข่าวของเว็บไซต์แห่งนี้ระบุว่า ในระหว่างที่ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ได้ให้สัมภาษณ์พิเศษแก่ทาง "อราเบียน บิสซิเนส" โดยที่จะมีการนำฉบับเต็มมาตีพิมพ์เผยแพร่ในวันอาทิตย์หน้า (30พ.ย.)นั้น เขาได้แสดงความ "รู้สึกเศร้าสลด" ต่อการที่เขาถูกดำเนินการเพิกถอนวีซ่า พร้อมกับกล่าวหารัฐบาลอังกฤษว่า ไม่เคารพในคุณค่าทางด้านประชาธิปไตยของตัวเอง "อังกฤษต้องมีความเข้าใจที่ดีกว่านี้ แต่โชคร้ายเวลานี้พวกเขามัวแต่ยุ่งอยู่กับปัญหาของพวกเขาเอง ดังนั้นพวกเขาจึงหลงลืมเรื่องคุณค่าทางด้านประชาธิปไตยไปแล้ว" เว็บไซต์นี้อ้างคำพูดของ พ.ต.ท.ทักษิณ ที่ระบุว่า ให้สัมภาษณ์ ณ นครดูไบ พ.ต.ท.ทักษิณ ยังประกาศว่า เขาจะกลับประเทศไทยในช่วงเวลาใดช่วงเวลาหนึ่ง พร้อมกับย้ำว่า เขาสามารถนำเอาความเชื่อมั่นกลับคืนสู่ประเทศไทยได้ "ประเทศกำลังตกต่ำลงลึก ความเชื่อมั่นไม่มีเอาเลยที่นั่น ความไว้เนื้อเชื่อใจในหมู่ประชาคมระหว่างประเทศ ก็ไม่มีเลยที่นั่น คนยากจนในพื้นที่ชนบท ก็กำลังอยู่ในความลำบาก" เขาบอก "ด้วยการที่ผมเป็นผู้กุมบังเหียน ผมสามารถนำเอาความเชื่อมั่นกลับคืนสู่ประเทศไทยได้อย่างรวดเร็ว เราต้องหากลไกที่จะทำให้ผมกลับไปได้ นั่นเป็นเหตุผลที่ทำไมผมต้องบอกคุณว่า ผมจะกลับไปเล่นการเมืองอีก "เว็บไซต์แห่งนี้อ้างคำพูดของเขา อย่างไรก็ดี พ.ต.ท.ทักษิณ บอกว่าเขาจะกลับบ้านก็ต่อเมื่อประชาชน และพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวของประเทศไทย ต้องการให้เขากลับ "ผมคิดว่ามันขึ้นอยู่เป็นอย่างมากกับอำนาจของประชาชน ถ้าพวกเขารู้สึกว่า พวกเขาอยู่ในความลำบาก และพวกเขาต้องการผมไปช่วยเหลือพวกเขา ผมก็จะกลับไป" เว็บไซต์นี้อ้างคำให้สัมภาษณ์ของเขา "ถ้าพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงรู้สึกว่า ผมสามารถเป็นประโยชน์ ผมก็จะกลับไป และพระองค์ทรงพระราชทานอภัยโทษแก่ผม ถ้าพวกเขาไม่ต้องการผม และพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ก็ทรงรู้สึกว่าผมไม่สามารถทำอะไรให้ต่างออกไปได้ ผมก็จะอยู่ที่นี่ และทำธุรกิจไป"

โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์

วันจันทร์ที่ 24 พฤศจิกายน พ.ศ. 2551

ย้ำเตือนพฤติกรรมชั่ว! ส.ส.สุดถ่อย...“เก่ง การุณ”


ทันที...ที่พันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย เข้ายึดพื้นที่ทำเนียบชั่วคราว “รัฐบาลโจร” ในพื้นที่ท่าอากาศยานดอนเมือง เป็นผลสำเร็จและปักหลักชุมนุมประท้วง ก็ได้เกิดการเคลื่อนไหวของกลุ่มคนเสื้อแดง โดยเฉพาะวัยรุ่นกลุ่มมอเตอร์ไซค์รับจ้าง โพกศีรษะและสวมปลอกแขนสีแดงที่มีข้อความว่า “ต้านเผด็จการ ” จำนวนหนึ่งขับวนเวียนอยู่บริเวณเขตดอนเมือง โดยเฉพาะฝั่งตรงข้ามสนามบินดอนเมือง

จากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ทำให้ชื่อของ “การุณ โหสกุล” ส.ส.สุดถ่อยแห่งพรรคพลังประชาชน ออกมาปรากฏผ่านสื่ออีกครั้ง ถึงแม้ครั้งนี้“การุณ”จะออกมาปฎิเสธว่าไม่ได้เกณฑ์มวลชนในพื้นที่เพื่อเตรียมจะบุกทำร้ายพันธมิตรฯ พร้อมกับพูดว่าตนไม่ให้ราคากับคนพวกนี้ โดยได้สั่งการกับคนของตนในพื้นที่ว่าอย่าไปยุ่ง อย่าไปสนใจ อยากจะยึดดอนเมืองก็ให้ยึดไป ปล่อยมันให้มันหมดแรงไปเอง เชื่อว่าทางตำรวจจะมีมาตรการทางกฎหมายจัดการ ส่วนหากจะมีกลุ่ม นปช.รวมตัวในพื้นที่ก็เป็นเรื่องที่อาจจะทำได้แต่ยืนยันว่าตนไม่ได้สั่งการเพราะไม่ต้องการซ้ำเติมสถานการณ์ให้วุ่นวายมากไปกว่านี้

“ผมไม่อยากให้ราคา ได้คุยกับผู้ใหญ่ในพรรคแล้วหลายคนบอกอย่าไปยุ่ง เพราะมีคนจองกฐินเยอะแล้ว แต่เกิดการปะทะจริงๆ ก็ไม่อยากปะทะกับประชาชน เพราะส่วนใหญ่เป็นคนที่ถูกเกณฑ์มา ทั้งนี้อยากท้าให้แกนนำออกไปเดินนอกสถานที่ชุมนุมแล้วดูว่าจะโดนอะไรบ้าง ซึ่งขณะนี้ผมเฝ้าในพื้นที่ตลอดและมีคนโทรศัพท์มาแจ้งว่าพันธมิตรฯ ปล่อยข่าวว่าผมถูกทำร้ายหวังจะยั่วยุคนของผมให้ฮือออกมาทำร้าย และเข้าตามแผนการณ์ของพันธมิตรฯ โดยขอยืนยันว่าขณะนี้ปลอดภัยดีไม่มีใครมาแตะต้องตัวได้เด็ดขาด ”

สำหรับ“นายการุณ โหสกุล”ถือว่า หลายคนคงรู้จักเขาเป็นอย่างดี และเพื่อเตือนความทรงจำ ต่อวีรกรรมของ ส.ส.สุดถ่อยผู้นี้ เริ่มจาก

30 กันยนยน 2551 พ.ต.อ.กัมปนาท โสภโณดร ผกก.สน.โชคชัย กล่างถึงกระแสข่าวที่นายการุณ โหสกุล ส.ส กรุงเทพฯ พรรคพลังประชาชน ถูกระบุว่าเมาเข้าไปเที่ยวผับ “ไม้เอก” (นารีเริงระบำ) ตั้งอยู่บริเวณริมถนนประดิษฐ์มนูธรรม เลียบด่วนถนนรามอินทรา-อาจณรงค์ เขตลาดพร้าว กทม. จากนั้นจะออฟสาวพนักงานต้อนรับ แต่ฝ่ายหญิงไม่ไปด้วยจึงขู่อาฆาตและใช้อำนาจกรรมาธิการตำรวจไปบีบ สน.โชคชัย ให้มาตรวจสอบร้านดังกล่าว โดยกล่าวหาว่ามีเด็กอายุต่ำกว่าที่กฎหมายกำหนดไปเที่ยว มีการโชว์ลามก ค้าประเวณี และปิดเกินเวลาว่า เรื่องดังกล่าวทางเจ้าของร้านไม้เอก หรือพนักงานในร้านยังไม่มีการเดินทางมาแจ้งความ แต่มีหนังสือจากคณะกรรมาธิการตำรวจ สภาผู้แทนราษฎร ส่งผ่านมาทาง บก.น.4 ให้ สน.โชคชัย เข้าไปตรวจสอบร้านไม้เอก 4 ข้อ ประกอบด้วย 1.มีใบอนุญาตถูกต้องตามกฎหมายหรือไม่ 2.ปล่อยให้เด็กและเยาวชนที่อายุต่ำกว่า 18 ปี เข้ามาใช้บริการหรือไม่ 3.เปิดและปิดตามเวลาที่กฎหมายกำหนดหรือไม่ 4.มีการลักลอบขายบริการทางเพศหรือไม่

“ในข้อแรก เรื่องใบอนุญาตนั้น ทาง สน.โชคชัยตรวจสอบแล้ว รับรองว่ามีใบอนุญาตถูกต้องแน่นอน”

อย่างไรก็ตาม ภายหลังนายการุณ ยืนยันว่า เป็นผู้ร้องเรียนให้ตรวจสอบร้านอาหารดังกล่าวจริง และได้เดินทางไปร้านดังกล่าวจริง แต่ไม่ได้ไปกร่าง หรือขอซื้อบริการในลักษณะดังกล่าว

พฤติกรรมสุดถ่อยสุดๆ ได้เกิดขึ้น ในที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎร เมื่อ ส.ส.พรรคพลังประชาชน นาม “การุณ โหสกุล” สุดถ่อย กระโดดถีบ นายสมเกียรติ พงษ์ไพบูลย์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาธิปัตย์ กลางสภาผู้ทรงเกียรติ อีกทั้งยังแสดงท่าทางกักขฬะด่า “ไอ้เอี้ย-แม่ง” ไม่ขาดปากจนสร้างความวุ่นวายนานเกือบชั่วโมง

ทีมข่าวอาชญากรรม ผู้จัดการออนไลน์ ไม่กล้าที่จะแสดงความรู้สึกต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น แต่ขอขุดคดีความในอดีตของผู้ที่ได้เป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรผู้นี้มาเตือนความทรงจำกันด้วยสำนวนโบราณที่มีการพร่ำสอนต่อๆ กันมาว่า “สันดอนนั้นไซร้ ตื้นลึกแค่ไหนก็สามารถขุดได้ แต่ 'สันดาน' ยากหยั่งแท้ที่จะขุดรากถอนโคนถึง”

เริ่มจากปี 2549 ราวต้นเดือนสิงหาคม นายเจริญ สารไทสง อายุ 53 ปี เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยของบริษัท อุดมสุข จำกัด เข้าแจ้งความต่อพนักงานสอบสวน สน.ดอนเมือง ว่าถูก นายการุณ โหสกุล อดีตผู้สมัคร ส.ส.พรรคไทยรักไทย และอดีต ส.ก.เขตดอนเมืองในขณะนั้นกับพวก ทำร้ายร่างกายจนได้รับบาดเจ็บ และพูดจากข่มขู่จะทำร้ายอีก

ทั้งนี้ นายเจริญให้การว่า บริษัทฯ ได้ให้ตนไปทำหน้าที่ดูแลโรงภาพยนตร์แอร์พอร์ตราม่า ตั้งอยู่เลขที่ 16/137 หมู่ 1 ถนนสรงประภา แขวงสีกัน เขตดอนเมือง กทม. ซึ่งเป็นโรงภาพยนตร์ที่ปิดกิจการแล้ว ซึ่งขณะที่ตนกำลังปฏิบัติหน้าที่อยู่นั้น นายการุณพร้อมพวกอีก 5 คนได้เข้ามาที่โรงภาพยนตร์ดังกล่าวพร้อมกับสั่งให้ตนเปิดประตูโรงภาพยนตร์เพื่อที่จะเข้าไปดูด้านใน ตนจึงบอกไปว่าถ้าจะเข้าไปต้องขออนุญาตจากผู้จัดการเสียก่อนเพราะไม่มีอำนาจ หากเปิดเข้าไปโดยพลการจะมีความผิด เมื่อนายการุณได้ยินที่ตนพูดไปอย่างนั้น ทำให้ไม่พอใจจนโต้เถียงกันอย่างหนัก ก่อนที่นายการุณจะเตะเข้าที่กกหูข้างซ้ายของตน 2 ครั้ง จังหวะนั้นตนได้แต่เอามือมาป้องไว้ นอกจากนี้ พวกลูกน้องของนายการุณก็พยายามจะกรูกันเข้ามาทำร้ายตนอีกด้วย

“เขายังพูดขู่ว่ากูจะกลับมาอีกครั้ง มึงไม่รู้หรือว่ากูเป็นใคร จำไม่ได้หรือไง ผมก็บอกไปว่าจำได้ และรู้จักด้วยว่าเป็นใครเพราะผมเคยลงคะแนนเสียงให้เขาเมื่อครั้งที่เขาลงสมัคร ส.ส.เขตดอนเมือง แล้วเขาก็กลับไป ส่วนผมก็เดินทางมาแจ้งความไว้เพราะเขาได้พูดขู่ว่าจะกลับมาอีก จึงกลัวว่าจะถูกพวกเขากลับมาทำร้ายอีก” นายเจริญ กล่าว

ก่อนหน้านั้นปี 2548 ต้นเดือนมีนาคม พ.ต.ท.ณฐกร คุ้มทรัพย์ สารวัตรเวร สน.ดอนเมือง รับแจ้งเหตุทะเลาะวิวาทกันที่บริเวณหน่วยเลือกตั้ง ส.ก.เขตดอนเมือง ซึ่งตั้งอยู่ภายในโรงเรียนประชาอุทิศ ถนนประชาอุทิศ แขวงสีกัน เขตดอนเมือง กทม. เมื่อไปถึงที่เกิดเหตุพบ นายการุณ โหสกุล สามีของนางรัชดาวรรณ โหสกุล ผู้สมัคร ส.ก.จากพรรคไทยรักไทย หมายเลข 1 และชายฉกรรจ์จำนวนหนึ่งแจ้งกับทางเจ้าหน้าที่ว่า นายประสิทธิ์ ชื่นมัจฉา อายุ 52 ปี หนึ่งในทีมงานของตนที่ช่วยหาเสียงให้กับภรรยาของตนนั้นถูกชายฉกรรจ์คนหนึ่งใช้อาวุธข่มขู่

ครั้งนั้น นายการุณระบุว่า ตนพร้อมด้วยทีมงานของพรรคไทยรักไทย ได้เดินทางมาดูแลความเรียบบร้อย รวมทั้งเดินทางมาให้กำลังใจกับภรรยาตนที่หน่วยเลือกตั้งดังกล่าว โดยบรรยากาศในหน่วยเลือกตั้งนั้น ทางกองเชียร์ทั้ง 2 ฝ่าย คือ พรรคไทยรักไทย และพรรคชาติไทย ต่างเชียร์กันอย่างเต็มที่จนกระทั่งมีเรื่องกระทบกระทั่งกัน จากนั้นมีชายคนหนึ่งมากับรถยนต์เปอโยต์ 405 สีเลือดหมู หมายเลขทะเบียน พบ-5367 กทม. เดินเข้ามาขู่นายประสิทธิ์ ซึ่งเป็นหนึ่งในทีมงานของตนว่า มึงอยากตายหรือ ซึ่งนายประสิทธิ์ก็มองเห็นว่าชายคนดังกล่าวมีปืนอยู่ จึงเห็นท่าไม่ดีเลยเดินออกมา ตนจึงได้แจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจดังกล่าว

จากนั้นเจ้าหน้าที่ได้ทำการสกัดจับรถคันดังกล่าวได้ พร้อมกับพบชายคนหนึ่ง ทราบชื่อต่อมาคือ นายสมปอง ชัยฤทธิ์ อายุ 45 ปี ท่าทางมีพิรุธอยู่ในรถ จึงได้ทำการตรวจค้นภายในรถพบ ซองกระสุนปืนขนาด 9 มม.จำนวน 1 ซอง เครื่องกระสุน ขนาด 9 มม.จำนวน 13 นัด และตรวจค้นตามตัวพบมีปืนขนาด 9 มม.ยี่ห้อซีแซด จึงได้ยึดไว้เป็นหลักฐาน พร้อมนำตัวมาดำเนินคดีที่ สน.ในข้อหาพกพาอาวุธปืนไปในที่สาธารณะโดยไม่ได้รับอนุญาต โดยไม่มีเหตุอันควร

แต่ในเวลาต่อมา ที่ สน.ดอนเมือง ได้มีนางสมศรี ด่าน หนึ่งในทีมงานของพรรคชาติไทย เขตดอนเมือง ได้เดินทางเข้าแจ้งความต่อ พ.ต.ท.อำนวย โพธิ์ทอง พนักงานสอบสวนผู้ชำนาญการพิเศษ สน.ดอนเมือง ว่าถูกนายการุณ โหสกุล ทำร้ายร่างกาย โดยถูกเตะเข้าที่แขนซ้ายจนได้รับบาดเจ็บ

นางสมศรี ให้การว่า ตนเป็นหนึ่งในทีมงานที่ดูแลความเรียบร้อยของการเลือกตั้ง ส.ก.ของพรรคชาติไทย ซึ่งก่อนเกิดเหตุในช่วงเช้านั้น ตนได้รับแจ้งจากประชาชนว่ามีกลุ่มชายฉกรรจ์หลายคนมาเดินวนเวียนอยู่ในพื้นที่หน่วยเลือกตั้งโรงเรียนประชาอุทิศ และมีการข่มขู่คนมาลงคะแนนเสียงเลือกตั้งด้วย จึงได้ชักชวนนายเขี้ยว ซึ่งเป็นทีมงานของพรรคชาติไทย และเจ้าของรถยนต์เปอโยต์ 405 สีเลือดหมู หมายเลขทะเบียน พบ-5367 กทม.เดินทางมาตรวจสอบยังที่เกิดเหตุ ซึ่งระหว่างนั้นเอง นายเขี้ยวได้ชักชวนนายสมปอง ซึ่งไม่ใช่คนของทางพรรคชาติไทยแต่อย่างใดขึ้นรถมาเป็นเพื่อนด้วย ซึ่งตนก็คิดว่านายสมปองน่าจะรู้จักกับนายเขี้ยว ตนจึงให้ติดรถมายังที่หน่วยเลือกตั้งด้วย

เมื่อมาถึงที่หน่วยเลือกตั้งดังกล่าว พบว่ามีกลุ่มชายฉกรรจ์จำนวนมากตามที่ได้รับแจ้งมา โดยตนเห็นว่ามีนายการุณรวมอยู่ในกลุ่มชายดังกล่าวด้วย ซึ่งขณะนั้นตนก็รู้สึกปวดปัสสาวะจึงได้เดินไปเข้าห้องน้ำ และเมื่อเดินกลับมาที่รถ ขณะที่ตนกำลังจะเปิดประตูรถนั้น นายการุณ พร้อมด้วยกลุ่มของชายฉกรรจ์ดังกล่าวก็เดินตรงมาล้อมรถของตนไว้ ก่อนที่นายการุณจะเตะเข้ามาที่แขนซ้ายของตนทันที พร้อมกับด่าว่าตนด้วยถ้อยคำหยาบคาย แต่หลังจากที่ตนรีบเข้ามาในรถได้นั้นก็ได้รีบโทรศัพท์แจ้งกลับไปทางที่ทำการพรรคให้แจ้งตำรวจทันที โดยที่ยังถูกกลุ่มของนายการุณยืนล้อมรถอยู่

“ขณะนั้นดิฉันคิดว่าอาจจะโดนไข้โป้งแล้ว เพราะคนพวกนั้นบางคนก็ล้วงไปในกระเป๋าเสื้อ คาดว่าน่าจะมีปืนแน่นอน เลยโทร.ไปแจ้งทางพรรคให้แจ้งตำรวจ แต่ฉันขอยืนยันว่านายสมปองไม่ได้ชักปืนขึ้นมาขู่ใครตามที่อีกฝ่ายกล่าวอ้างแน่นอน นายการุณทำแบบนี้ไม่มีความเป็นลูกผู้ชายเหลืออยู่แล้ว ซึ่งดิฉันขอยืนยันว่าจะดำเนินคดีทางกฎหมายกับนายการุณให้ถึงที่สุด” นางสมศรี กล่าว

ในปี 2548 นอกจาก ส.ส.ผู้นี้จะมีคดีความทำร้ายร่างกายกับบุคคลอื่นแล้ว ยังมีคดีความทำร้ายอดีตภรรยาตนเองด้วย โดยเหตุเกิดราวเดือน มิ.ย. เมื่อนางรัชดาวรรณ เกตุสะอาด อายุ 24 ปี ส.ก.เขตดอนเมือง อดีตภรรยานายการุณ พร้อมคณะเพิ่งกลับจากดูงานต่างประเทศ โดยในระหว่างรอรับกระเป๋าเดินทางที่อาคาร 1 อยู่นั้น นายการุณ โหสกุล พร้อมพวกอีก 2 คน คนหนึ่งแต่งเครื่องแบบตำรวจยศจ่าสิบตำรวจได้เข้าไปหานางรัชดาวรรณ โดยนายการุณได้เอ่ยปากบอกให้นางรัชดาวรรณกลับบ้านทั้งที่ไม่ได้เกี่ยวข้องกันแล้ว เนื่องจากศาลได้มีคำสั่งให้นางรัชดาวรรณกับนายการุณหย่าขาดกันตั้งแต่วันที่ 4 เม.ย.ที่ผ่านมา นางรัชดาวรรณจึงทำท่านิ่งเฉยไม่สนใจ ทำให้นายการุณโกรธมาก ตรงเข้าจิกผมนางรัชดาวรรณแล้วตบหน้า 1 ครั้ง ท่ามกลางผู้คนจำนวนมาก ด้วยความตกใจกลัว นางรัชดาวรรณจึงรีบเดินหนี แต่นายการุณยังเดินตามและพยายามฉุดกระชาก กระทั่งไปถึงศูนย์รักษาความปลอดภัยในท่าอากาศยานกรุงเทพ มีตำรวจและทหารประจำอยู่ นายการุณจึงเดินหนีไป

ในต้นปี 2548 เช่นเดียวกัน นายการุณต้องเผชิญวิบากกรรม โดยศาลอุทธรณ์พิพากษายืนตามศาลชั้นต้นให้ปรับเงินนายการุณ หรือเก่ง โหสกุล อายุ 38 อดีตผู้สมัคร ส.ส.เขต 14 ดอนเมือง พรรคไทยรักไทย จำเลยในความผิด ตาม พ.ร.บ.ศุลกากร พ.ศ.2496 ม.27 ฐานลักลอบนำสินค้าเข้ามาในราชอาณาจักรโดยหลบเลี่ยงภาษีศุลกากร เป็นเงินจำนวน 30,254,052 บาท หากต้องกักขังแทนค่าปรับให้กักขังได้ไม่เกิน 2 ปี และริบของกลาง ในคดีคดีลักลอบนำจักรเข้าประเทศ แต่ก็ได้รับการประกันตัวออกไป

คดีนี้ นายการุณได้เดินทางมารายงานต่อตัวงานอุทธรณ์-ฎีกา หลังศาลออกหมายจับไปแล้วเมื่อวันที่ 8 ก.พ. เนื่องจากหลบหนีไม่มาฟังคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ และถูกนำตัวไปควบคุมที่ห้องขังใต้ถุนศาลอาญา ต่อมาญาติของการุณได้ยื่นคำร้องพร้อมหลักทรัพย์เป็นโฉนดที่ดินย่านดอนเมืองจำนวน 2 แปลงเนื่อที่ 1 ไร่ 84 ตารางวา ราคาประเมิน 4,800,000 บาท ขอประกันตัว ซึ่งหลังศาลพิจารณาคำร้องและหลักทรัพย์แล้ว มีคำสั่งอนุญาตให้นายการุณประกันตัวออกไปตีราคาประกัน 4.5 ล้านบาท

หลังได้รับการปล่อยตัว นายการุณในชุดสูทสีดำ เสิ้อเชิ้ตแขนยาวสีฟ้า เนกไทสีแดง พร้อมผู้ติดตามและทนายความ ได้เดินหนีผู้สื่อข่าวและไม่ยอมให้สัมภาษณ์ใดๆ โดยนายการุณใช้เสื้อสูทคลุมศีรษะปิดบังใบหน้าไม่ยอมให้สื่อมวลชนถ่ายภาพทำข่าวและขึ้นแท็กซี่เดินทางกลับไปในทันที

นอกจากนี้ ในปีเดียวกันนั้นเอง ศาลฎีกายังมีคำสั่งเพิกถอนสิทธิสมัครรับเลือกตั้ง ส.ส.ของ “การุณ โหสกุล” จากพรรคไทยรักไทย เพราะมหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช ประกาศยกเลิกใบปริญญาบัตรของผู้สมัครฯ โดยคดีนี้สืบเนื่องจากนายชัยณรงค์ เทียนมงคล ผู้อำนวยการคณะกรรมการการเลือกตั้งกรุงเทพมหานคร (ผอ.กกต.กทม.) ได้ยื่นคำร้องต่อศาลฎีการะบุว่า กกต.เขต 14 ได้ตรวจพบว่าคุณสมบัติของนายการุณไม่ต้องด้วย พ.ร.บ.เลือกตั้ง ประกอบรัฐธรรมนูญ ม.107 กล่าวคือ เมื่อวันที่ 10 ม.ค. 48 กกต.เปิดรับสมัครรับเลือกตั้งที่อาคารกีฬาเวสน์ กทม. โดยนายการุณใช้หลักฐานประกอบการสมัครเป็นวุฒิการศึกษาระดับปริญญาโทของมหาวิทยาลัยรามคำแหง และเอกสารแสดงวุฒิการศึกษาอื่นๆ ซึ่งไม่ชอบด้วยกฎหมายเลือกตั้ง แต่เนื่องจาก กกต.ได้ประกาศรายชื่อเป็นผู้สมัครแล้ว จึงขออาศัยเหตุดังกล่าวเพิกถอนสิทธิการสมัครรับเลือกตั้งของนายการุณ และสุดท้าย ศาลก็มีคำสั่งเพิกถอนการเลือกตั้งดังกล่าวของนายการุณ

นายการุณ ตกเป็นผู้ต้องหาทำร้าย พ.ต.ท.บัญชา คล้ายน้อย รอง ผกก. 2 บก.ป. ขณะเข้าไปสืบสวนหาข่าวการเล่นพนันไก่ชน ภายในสนามชนไก่คลอง 5 หมู่ 14 ต.บึงคำพร้อย อ.ลำลูกกา จ.ปทุมธานี จนใต้ตาแตก ซึ่งพนักงานสอบสวนได้แจ้งข้อหานายการุณ 4 ข้อหา คือ ร่วมกันทำร้ายร่างกาย ต่อสู้ขัดขวางเจ้าพนักงานขณะปฏิบัติหน้าที่ ทำให้เสียทรัพย์ และดูหมิ่นเจ้าพนักงาน แต่นายการุณรับสารภาพในข้อหาทำร้ายร่างกายเพียงข้อหาเดียว ขณะนี้เรื่องอยู่ระหว่างพิจารณาในชั้นศาลธัญบุรี

ขณะที่ พล.ต.ต.พงศ์พัฒน์ ฉายาพันธุ์ ผบก.ป.ออกมายืนยันหลังเกิดเรื่องว่าได้ตรวจสอบแล้วพบว่า พ.ต.ท.บัญชา ได้เข้าปฏิบัติหน้าที่จริง โดยมีการประสานตำรวจหน่วยงานอื่นๆ ด้วย อย่างไรก็ตาม การทำร้ายเจ้าหน้าที่ไม่ว่าจะเป็นตำรวจ หรือเจ้าหน้าที่หน่วยงานใดก็ตามนั้นเป็นเรื่องที่ไม่สามารถทำได้ เช่นเดียวกัน เจ้าหน้าที่จะทำร้ายประชาชนก็ไม่ได้เช่นกัน ซึ่งกรณีที่เกิดขึ้นตำรวจท้องที่ได้จับกุมดำเนินคดีทันที

นั่นคือ พฤติกรรมสุดถ่อยของบุคคลผู้นี้...

สารบบคนชั่ว


สำหรับใน Blog นี้เป็นการรวบรวมเรื่องราวต่าง ๆ เกี่ยวกับคนชั่ว ๆ ที่ก่อเหตุการณ์ต่าง ๆ เอาไว้โดยไม่สำนึกในความผิดของตนเองและพวกพ้อง โดยรวบรวมจากที่ต่าง ๆ เพื่อเป็นแหล่งข้อมูลสำหรับค้นหาและเตือนให้กับประชาชนที่ต้องเข้าไปเกี่ยวข้องกับบุคคล ชั่ว ๆ เหล่านี้