วันจันทร์ที่ 12 เมษายน พ.ศ. 2553



วันนี้ (11 เม.ย.) ในช่วงเวลาประมาณ 22.00 น. นายวิเชียร ขาวขำ ส.ส.อุดรธานี พรรคเพื่อไทย และสปอนเซอร์หลักในการจัดรถชุมนุมให้กับกลุ่มชมรมคนรักอุดรฯ ที่นำโดยนายขวัญชัย ไพรพนา ได้ขึ้นเวทีปราศรัยของคนเสื้อแดงบริเวณสะพานผ่านฟ้าลีลาศ ถ.ราชดำเนิน โดยระบุว่า คนเสื้อแดงกำลังจะตั้งรางวัลนำจับ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรีฝ่ายความมั่นคง นายสาทิตย์ วงศ์หนองเตย รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐฒนตรี นายปณิธาน วัฒนายากร รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา รองผู้บัญชาการทหารบก

ที่สำคัญ ส.ส.พรรคเพื่อไทยคนดังกล่าวยังกล่าวยุยงให้คนเสื้อแดงใช้ความรุนแรง โดยกล่าวว่าตนกำลังจะระดมทุนให้คนเสื้อแดงไปจับ พ.อ.สรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษก ศอฉ.เพื่อมาแขวนคอที่สนามหลวง โดยรายละเอียดแบบคำต่อคำของการปราศรัยดังกล่าวมีดังนี้

“เราให้เวลาคุณ 3 วัน ถ้าคุณไม่รีบออกจากต่างประเทศ เราจะประกาศให้รางวัลนำจับทั่วประเทศ พี่น้องครับ รางวัลนำจับใครบ้าง ... รางวัลนำจับนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หนึ่งคน ฉายานายเหงียนมาร์ค หนีทหาร ทรราชฟันน้ำนม ... นี่ฉายาไอ้อภิสิทธิ์ ... คนที่สองนายสุเทพ เทือกสุบรรณ ฉายาทรราชหน้าดำ บ้าตัณหา ... คนที่สาม ไอ้สาทิตย์ วงศ์หนองเตย ไอ้ลูกกรอกปีศาจ ทรราชเตี้ยหมาตื่น (เสียงเฮ)

“อีกคนที่สี่ ไอ้ ดร.ปณิธาน เขามีฉายาว่าไอ้ ดร.อันธพาล จอมลวงโลก สมุนทรราช พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ไอ้ฮิตเลอร์เมืองไทย ... ไอ้ พ.อ.ไก่อู พ.อ.สรรเสริญ แก้วกำเนิด ไอ้โฆษกรับใช้ทาสเผด็จการ ... 3 คนนี้ ... พี่น้องครับ เดี๋ยวเราจะปรึกษากันว่า เราจะระดมทุนเป็นรางวัลนำจับ ไปเจอไอ้โฆษกสรรเสริญ แก้วกำเนิด นี่ให้จับมาส่งเสื้อแดง เอาไปแขวนคอสนามหลวง ไอ้สาทิตย์ วงศ์หนองเตย เหมือนกัน เพราะอะไรครับ สื่อสารต่างๆ นี่มันบังคับเขาหมด บังคับคนไปตรวจ ถ้าไม่ตรวจเข้าข้างรัฐบาล มันไปบล็อกเขาหมด ไอ้นี่ตัวเล็กนิดเดียวแต่มันบ้า เพราะฉะนั้นเราจะต้องดำเนินการกับพวกนี้ให้สิ้นซาก ... ” ส.ส.พรรคเพื่อไทยกล่าว

ก่อนหน้านี้ ในการชุมนุมใหญ่ของกลุ่มคนเสื้อแดง (นปช.) ณ ลานอเนกประสงค์ อ.บ้านผือ จ.อุดรธานี เมื่อวันที่ 10 มี.ค.ที่ผ่านมา หนึ่งในแกนนำของคนเสื้อแดง คือ นายสุพร อัตถาวงศ์ หรือ “แรมโบ้อีสาน” ก็เคยกล่าวยุยงให้ผู้ชุมนุมจับกุมและแขวนคนบุคคลสำคัญมาแล้ว คือ พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ประธานองคมนตรีและรัฐบุรุษ โดยครั้งนั้นนายสุพรได้กล่าวว่า

“... และจุดจบของอำมาตย์ เปรม ติณสูลานนท์ ก็ไม่ต่างกับผู้นำอิรัก ที่ชื่อ ซัดดัม ฮุสเซน นั่นหมายความว่า จุดจบของอำมาตย์เปรม คือ ต้องถูกแขวนคอโดยประชาชน ที่ต้นมะขาม ท้องสนามหลวง (เสียงเฮ) เพราะสิ่งที่คุณทำนั้น คุณได้ทำลายบ้าน ทำลายเมือง ทำลายประเทศชาติ ประชาชน และคุณกำลังจะสั่งกองทัพ เข่นฆ่าประชาชนเป็นรอบที่สอง”

วันศุกร์ที่ 9 เมษายน พ.ศ. 2553

ถอดรหัสการหมิ่นเบื้องสูงในโลก Cyber



นี่คือหนึ่งในจำนวนคนที่หมิ่นสถาบันพระมหากษัตริย์ เข้าไป Post ข้อความที่เป้นการหมิ่นเบื้องสูงอย่างมิได้กลัวเกรงกฏหมาย ท้าทาย รัฐธรรมนูญ ซึ่งจุดประสงค์ของคนกลุ่มนี้ เพื่อแก้ไขรัฐธรรมนูญในหมวดที่เกี่ยวข้องกับพระมหากษัตริย์ ซึ่งในการเขียนบทความหรือการ Post ข้อความลงใน Website ใต้ดินเฉกเช่น Website นปช USA ที่โดนจับกุมไปเมื่อไม่นานมานี้ เนื้อหาจะมีการใช้รหัสลับหรือบางครั้งก้จะกล่าวถึงโดยตรงอย่างมิเกรงกลัวความผิดใด ๆ เลย การ Block ของกระทรวง ICT นั้นทำได้แค่ปลายเหตุการป้องกันนั้นยาก เป็นเพราะมีการปลุกระดมต่าง ๆ ฝังความเชื่อเรื่อง ชนชั้น จากกลุ่มคนเสื้อแดง ลามลุกไปในโลก Internet ซึ่งเป็นสื่อที่เข้าถึงได้อย่างรวดเร็วและง่ายดายในยุคปัจจุบัน ซึ่งเยาวชนและคนกลุ่มเหล่านี้อาจจะไม่ได้รู้ถึงความยากลำบากของ สถาบันกษัตริย์ ที่ได้มีพระมหากรุณาธิคุณต่าง ๆ ในการสร้างชาติไทยขึ้นมา จะเห็นได้ว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องที่น่ากลัวว่า กลุ่มคนที่ต้องการเปลี่ยนแปลงบางอย่างในประเทศไทย จะใช้กลุ่มเยาวชนเหล่านี้เป็นเครื่องมือ ตอบสนองความต้องการของตนเอง

* ข้อความที่กลุ่มคนเหล่านี้เผยแพร่ ไม่สามารถนำมา Post ได้เพราะจะเป็นการกระทำผิดกฏหมายซ้ำ ซึ่งมีความผิดตามกฏหมายรัฐธรรมนูญ

วันพฤหัสบดีที่ 8 เมษายน พ.ศ. 2553

จดหมายถึงคนเสื้อแดง จากผู้หญิงคนหนึ่ง

คุณเสื้อแดง ถ้าคุณเรียกร้องความยุติธรรมให้กับตัวเอง เพราะถูกนายทุน ข้าราชการและนักการเมืองท้องถิ่นของคุณเอาเปรียบ เราฟัง เราเห็นใจและพร้อมที่จะช่วยพวกคุณมาตลอด ไม่ว่าเกิดเหตุภัยพิบัติอะไร พวกเราชาวกทม.ก็ชวยเหลือบริจาคตลอด เพราะเรารู้ว่าคุณก้เป็นพี่น้องคนไทยเหมือนกัน

คุณเสื้อแดง ถ้าคุณเรียกร้องเพราะอดอยากทุกข์ยาก เพราะผลผลิตการเกษตรไม่ดี ไม่ได้ราคา ขาดทุน เราฟัง เราเข้าใจและพร้อมช่วยเหลือมาตลอด ซื้อผลไม้ในราคาสูงกว่าปกติ รณรงค์บริโภคสินค้าไทยของพี่น้องเกษตรของเรา ใช้ของที่ผลิตในประเทศ เพราะเรารู้ว่าทำอย่างนั้นแล้วจะช่วยให้พี่น้องชาวไทยทุกคนอยู่ ได้

คุณเสื้อแดง ถ้าคุณเรียกร้องต้องการให้ลดความเหลื่อมล้ำทางสังคม คนรวยรวยล้นฟ้า คนจนแทบไม่มีจะกิน เราฟัง เราเข้าใจ เราจะเรียกร้องพร้อมไปกับท่านด้วย เพราะพวกเราชาวกทม.ส่วนใหญ่เป็นคนชนชั้นกลาง มีรายได้น้อยค่าใช้จ่ายสูง หาเช้ากินค่ำ นั่งรถเมล์ เจอรถติด ดมควันพิษ และไม่มีบ้านเป็นของตัวเอง...พวกเรามีปัญหาเหมือนพวกท่าน ถูกเอารัดเอาเปรียบทางสังคมเหมือนกัน พวกคนรวยนายทุนกดขี่เงินเดือนเรา โกงราคาสินค้าแพงแต่เราก้ต้องซื้อกิน...เพราะมันจำเป็น และเราก็อดทน ใช้เหตุผลแก้ปัญหาต่าง ประหยัดไม่ซื้อรถ ซื้อของแพง ไม่ซื้อมือถือให้ลูก ของไม่จำเป็นไม่ซื้อหรือซื้อของถูกไม่มีแบรนด์
ไม่เล่นหวย ใช้ชีวิตพอเพียงให้พอดีกับเงินที่ได้..เท่านั้น

คุณเสื้อแดง ถ้าคุณเรียกร้องความยุติธรรม แบบสงบ สันติ อหิงสา อย่างที่คุณพูด เราก็ปล่อยไม่ไปต่อต้านคุณดังที่ผ่านมาเกือบเดือนแล้ว ทั้งที่พวกเราลำบาก อึดอัด ลำบากแสนสาหัส เราก็อดทนเพื่อพี่น้องคนไทยเหมือนกันได้ระบายความในใจกันบ้าง.....แต่นี่...

พวกเสื้อแดง ได้สร้างนิยายเรื่อง อำมาตย์กับไพร่ กล่าวหาว่าคนกทม.เอาเปรียบคนต่างจังหวัด และดูถูกคนอย่างพวกคุณ พวกคุณดีแต่โยนความผิดให้คนอื่น ใครไปเอาเปรียบคุณบอกชื่อมาสิ...อย่าเหมารวม..อย่าอ้างความชอบธรรมคนเดียว นึกว่าตัวเองลำบากกว่าคนอื่นงั้นหรือ ดิฉันเชื่อว่าส่วนหนึ่งคงลำบากจริง...แต่ไม่ใช่เพราะคนกทม.แน่ ที่เอาเปรียบคุณ พวกเขาอยู่ที่นี่ทำมาหากินเลี้ยงครอบครัวก็จะแย่อยู่แล้ว กลับไปมองคนแถวบ้านคุณเองจะดีกว่า.......เสื้อแดงอีกส่วนหนึ่งที่ฉันเห็นที่มาอยู่กทม. ขายที่ดินตัวเองเพราะนายทุนซื้อได้ราคาดี เอาเงินมาซื้อรถกระบะ มือถือให้ลูก เล่นหวยเล่นการพนัน กินเหล้า..ซื้อของที่ไม่จำเป็นเป็นเงินผ่อน ติดหนี้บัตรเครดิต....ฯลฯ เยอะแยะ ถามจริงเถอะพวกเสื้อแดงแบบนี้เขาเรียกว่าอะไร ถ้าไม่ใช่..ควายแดง...

พวกเสื้อแดง ที่ยกย่องทักษิน หลงงมงายไม่ยอมรับความจริงว่าทักษินมันโกง ทั้งที่มีภาพว่าเขารวยจนซื้อเกาะ ซื้อบ้านใหญ่โตในต่างประเทศเยอะแยะ ลงทุนเหมืองเพชร ใช้ของแพง กินของหรู อยู่สุขสบาย มีเงินเป็นแสนๆล้าน รวยที่สุดในประเทศไทย...คุณก็ยังไปสงสารมัน ตามือบอด ใจบอด ไม่ยอมรับเหตุผลใดๆทั้งสิ้น.เห็นแก่ตัว..แล้วจะไม่ให้เราเรียกพวกคุณว่า...ไอ้โง่ควายแดง...ได้ไง

ไอ้พวกแกนนำเสื้อแดง ของพวกคุณทำหนังสือ เว็ปไซต์ พูดจาตอแหลโกหกใส่ร้ายในหลวง-ราชินี และองค์รัชทายาท จนกระทั้งลามไปถึงทั้งราชวงค์จักรี....ชั่วชาติไม่พอยังยกย่องทักษิน เป็นเจ้าอีก..ทั้งๆที่มันเป้นได้แค่ไอ้เจ๊กขายชาติ...แต่พวกคุณก็เชื่อ ยินดี ไม่มีใครสนใจความรู้สึกของในหลวง พวกคุณเหยีบย่ำหัวใจของชาวไทยทุกคน...แล้วยังจะมาเรียกร้องหาความยุติรรมอะไรอีกล่ะ...มาเรียกร้องประชาธิปไตยอะไรอีกล่ะ...ทั้งๆที่พวกคุณเป็นคนทำลายทุกอย่างลงหมดสิ้น.....แล้วอย่างนี้จะมาขอความเห็นใจอะไรอีกล่ะ...นอกจากความเกลียดชังจากคนไทยทั้งประเทศ....พวกคุณมันก็แค่ ไอ้คนไร้ค่า สารเลว โง่บรม เนรคุณ จังไร ขายชาติที่ใส่เสื้อสีแดงเท่านั้นเอง..........เท่านั้นจริงๆ...

โดย หญิงไทย เมื่อ 2010-04-08 22:00:40

วันอังคารที่ 6 เมษายน พ.ศ. 2553

ฤๅ 3 เกลอ เป็นเพียงเบี้ย เศษเดนที่กำลังถูกขจัด?

ดร.เจิมศักดิ์ ปิ่นทอง
ศาสตราภิชาน มหาวิทยาลัยรังสิต

ถึงวันนี้ ก็ชัดเจนยิ่งขึ้นแล้ว ว่ากองทัพเสื้อแดง มี 3 ส่วน ที่แยกกันทำงาน แยกกันตี แต่มีจอมทัพคนเดียว คือ “ทักษิณ”

1) “3 เกลอหัวขาด” เป็นเพียงแม่ทัพหน้า ผู้ทำหน้าที่จัดการแสดงด้วยการชุมนุม สร้างภาพ “สันติ อหิงสา” แต่สร้างความปั่นป่วน ข่มขู่ผู้คนที่เห็นต่าง กลั่นแกล้งคนกรุงเทพฯ ให้ได้รับความเดือดร้อน เสมือนจับคนกรุงเทพฯ เป็นตัวประกัน ปิดกั้นขัดขวาง สิทธิการเดินทาง สิทธิการประกอบอาชีพของคนอื่น แต่ยังอ้าง “สันติ อหิงสา”

2) “กองทัพใต้ดิน” ออกปฏิบัติการสร้างสถานการณ์ วางระเบิด โยนระเบิด ยิงปืนใส่สถานที่สำคัญๆ หวังให้เกิดการปั่นป่วน ผู้คนบาดเจ็บ อาจล้มตาย เพื่อทำลายความน่าเชื่อถือของรัฐบาลอภิสิทธิ์ รวมทั้งข่มขู่รัฐบาลอยู่ในทีว่า หากไม่ได้ตามที่ต้องการก็จะเพิ่มความรุนแรงมากขึ้นเรื่อยๆ

3) พรรคการเมือง “เพื่อไทย” มีหน้าที่ทำงานในสภา เพื่อหาทางปั่นป่วนการประชุมสภา การบริหารราชการ เตะตัดขาทุกวิถีทาง ตั้งแต่ไม่เข้าประชุม ขัดขวางการประชุม หรือเวลาประชุมก็ใช้วิธีประท้วง กระทู้ยุแหย่ กล่าวร้าย โกหกบิดเบือน โดยที่การพัฒนากฎหมาย ญัตติ และการควบคุมการบริหารราชการแผ่นดิน มิได้เป็นไปตามครรลองของระบอบประชาธิปไตย รัฐสภาและฝ่ายนิติบัญญัติ จึงกลายเป็นตัวถ่วง ไม่ให้ประเทศเดินหน้า ฝ่ายบริหารต้องพะวงอยู่กับการแก้เกมในสภา เสียทั้งเวลา เสียทั้งงบประมาณของรัฐสภา

ส.ส.พรรคเพื่อไทย ก็ผลัดเปลี่ยนขึ้นเวทีการแสดงของ 3 เกลอ โดยไม่เลือกว่าสิ่งที่พูดบนเวที จะขัดแย้ง เหมาะสมกับการทำหน้าที่ของ ส.ส.และรองประธานสภาผู้แทนราษฎร หรือไม่

ทั้ง 3 ส่วนข้างต้น มีแนวร่วมผสมโรง อย่างน้อย 3 ฝ่าย คือ

หนึ่ง พวกที่จงรักภักดีกับทักษิณ ที่หวังได้ประโยชน์และเคยได้ประโยชน์จากระบอบทักษิณ

สอง พวกอุดมการณ์ล้มเจ้า คอมฯ เก่า ที่ยังหลงยุคในปัจจุบัน มุ่งหวังยืมมือและคนของระบอบทักษิณ โดยหวังจะพลิกฟ้า คว่ำแผ่นดินให้ได้ในระยะยาว พวกนี้จะฉลาดพอที่จะรู้ว่าการแตกหักในระยะสั้น การยุบสภาเลือกตั้งใหม่ คงไม่ช่วยให้อุดมการณ์ของตนเป็นจริงในเวลารวดเร็ว แต่การกัดเซาะ บ่อนทำลาย น่าจะเป็นเป้าหมายที่มุ่งหวังมากกว่า

สาม ทหารรับจ้าง ส.ส.รับจ้าง และผู้ชุมนุมรับจ้าง ซึ่งเป็นไปตามธรรมชาติของผู้รับจ้างที่ยินดีทำตามนายจ้าง พฤติกรรมจึงไม่สลับซับซ้อน ให้ไปชุมนุมที่ไหนก็ไป ให้ปฏิบัติการวินาศกรรมที่ไหนก็บอก และจะให้ปั่นป่วนสภาตอนไหน เมื่อใด ก็ขอให้บอก.. จะจัดให้..

ความซับซ้อนของการเมืองเรื่องอำนาจ และการชิงอำนาจในประเทศไทย จึงยากที่จะเข้าใจ และยากที่จะทำนายว่ามันจะ “ลงเอยอย่างไร?”

ผมได้รับบทความที่เขียนโดยอดีตนายทหารอาวุโส ผู้มีประสบการณ์ในการทำปฏิวัติรัฐประหารมาแล้วหลายครั้ง ผู้เข้าใจการเมืองไทยดีคนหนึ่ง จนสามารถผ่านการเลือกตั้ง ได้เป็นประธานวุฒิสภามาแล้ว

อ่านบทความแล้ว ก็ได้แต่เป็นห่วงบ้านเมือง และคงจะเหมือนกับเจ้าของบทความ ที่อยากเห็นบ้านเมืองสงบ มีสันติสุข ผมจึงขอคัดลอกบทความของ “พล.ต.มนูญกฤต รูปขจร” มาให้อ่าน เพื่อจะได้ช่วยกันคิดอ่าน กระทำให้บ้านเมืองเกิด “สันติ” ดังนี้

“ยุทธวิธีของ พคท.ในเสื้อแดง

เมื่อ 3 เกลอไม่ใช่ตัวจริงของ พคท. ขั้นตอนต่อไปจึงเป็นการดำเนินการเพื่อทำลายขบวนการ 3 เกลอ เมื่อทำลาย 3 เกลอแล้ว ตัวจริงของ พคท.จะขึ้นมาเป็นผู้นำทางการเมืองในขั้นตอนต่อไป

สถานการณ์ปัจจุบัน แนวร่วม พคท.ยังคงพยายามรักษาสถานการณ์ไม่ให้ทักษิณชนะทางการเมือง เพราะต้องการรักษาทักษิณไว้เป็นแนวร่วมของ พคท.ต่อไป (ปล.3 เกลอถูกโดดเดี่ยวจาก พคท. บูลินบูโลของเสื้อแดง) ให้ 3 เกลอถูกรัฐบาลเล่นงานเพื่อเป็นเงื่อนไขให้มีการเคลื่อนไหวต่อ

3 เกลอเป็นวีรชนเอกชนที่อยากดัง แต่มีคุณสมบัติไม่พอที่จะเป็นผู้นำทางการเมือง (การทำลาย 3 เกลอ มาจากภายในเสื้อแดงที่ส่งข้อมูลให้รัฐบาลเพื่อทำลาย 3 เกลอ ให้เกิดเงื่อนไขเพื่อที่จะขึ้นมานำทางการเมืองของกลุ่มเสื้อแดงแทน 3 เกลอ ทั้งนี้ เพื่อให้เกิดภาพปรากฏโดยทั่วไปว่า 3 เกลอถูกประชาธิปัตย์ทำลาย ให้ส่งผลสู่การเกิดเงื่อนไขใหม่ กล่าวคือ ยอมเสีย 3 เกลอ เพื่อให้เกิดการต่อสู้ทั่วประเทศ และให้มีเงื่อนไขในการต่อสู้ต่อไป)

จตุพร และณัฐวุฒิ จึงเปรียบเป็นได้เพียงเศษแดนของ พคท. เป็นวีรชนที่ต้องเสียสละเพื่อให้การต่อสู้ดำเนินต่อไปได้

โดยขั้นตอนต่อไป อาจมีการลอบฆ่าผู้นำเสื้อแดง เช่น จตุพร ณัฐวุฒิ เพื่อใช้เป็นเงื่อนไขในการปลุกระดมมวลชนเสื้อแดงให้ลุกขึ้นมาสู้อีกครั้ง หรือเรียกได้ว่าเป็นการจัดฉากเพื่อสร้างการจลาจลครั้งใหญ่

หมายเหตุ : นี่คือแนวทางการสร้างเงื่อนไขใหม่ เพื่อให้เสื้อแดงมีเงื่อนไขในการลุกขึ้นมาสู้อีกครั้ง ซึ่งจะสามารถสู้ได้อีกระยะหนึ่ง ดังนั้น สิ่งที่อันตรายที่สุดคือ การก่อวินาศกรรม การก่อวินาศกรรมเป็นการต่อสู้ที่ไม่นำไปสู่การเปลี่ยนแปลงทางการเมือง แต่จะทำให้บ้านเมืองตกอยู่ในสภาพเดียวกับภาคใต้ คือ มีการเข่นฆ่ากันเป็นเรื่องปกติซึ่งเกิดขึ้นในชีวิตประจำวัน แต่การเมืองไม่เปลี่ยน อำนาจรัฐไม่เปลี่ยน

การก่อวินาศกรรม คือการรักษารูปการต่อสู้ เหมือนการต่อสู้ของนักมวยบนเวที ซึ่งตั้งการ์ดแสดงไว้เพื่อให้รู้ว่า “กูยังสู้อยู่บนเวที”

การก่อวินาศกรรมจึงเปรียบเสมือนการทุบรัฐบาลจนน่วม แล้วจึงประกาศแนวทางและนโยบายทางการเมืองของฝ่ายเสื้อแดง ดังนั้น พคท.จึงต้องชนะทางการเมืองเสียก่อน แล้วจึงสามารถประกาศเขตการปกครองตัวเองได้

- พคท.จึงต้องมีกองทัพเป็นของตัวเองเพื่อเป็นหลักประกันชัยชนะ

- มีการเมืองที่นำเสนอได้ เช่น รูปแบบการปกครองเพื่อนำเสนอผลประโยชน์สูงสุดจนส่งผลให้ประชาชนส่วนใหญ่เห็นด้วย

หมายเหตุ : สถานการณ์ การก่อวินาศกรรม จะเปลี่ยนแปลงเป็นการก่อการร้ายในกรุงเทพฯ และทั้งประเทศไทย ดังนี้

1. กรุงเทพฯ และปริมณฑล ก็จะมีสภาพคล้าย 3 จังหวัดภาคใต้ (นราธิวาส, ยะลา และปัตตานี)

2. กรุงเทพฯ จะมีสถานการณ์รุนแรงขึ้น ถ้าแก้ไขไม่ได้ ก็จะเป็นคล้ายไซ่ง่อน เวียดนามใต้ ก่อนสิ้นสภาพ

3. ประเทศไทยจะคล้ายเขมร 3 ฝ่าย และสิ้นระบอบการปกครองที่เป็นอยู่ในปัจจุบัน

ถ้าวันนี้ ไม่แก้ด้วยประชาธิปไตยแบบธรรมาธิปไตย”

ฤๅ 3 เกลอ เป็นเพียงเบี้ย เศษเดนที่กำลังถูกขจัด?

ดร.เจิมศักดิ์ ปิ่นทอง
ศาสตราภิชาน มหาวิทยาลัยรังสิต

ถึงวันนี้ ก็ชัดเจนยิ่งขึ้นแล้ว ว่ากองทัพเสื้อแดง มี 3 ส่วน ที่แยกกันทำงาน แยกกันตี แต่มีจอมทัพคนเดียว คือ “ทักษิณ”

1) “3 เกลอหัวขาด” เป็นเพียงแม่ทัพหน้า ผู้ทำหน้าที่จัดการแสดงด้วยการชุมนุม สร้างภาพ “สันติ อหิงสา” แต่สร้างความปั่นป่วน ข่มขู่ผู้คนที่เห็นต่าง กลั่นแกล้งคนกรุงเทพฯ ให้ได้รับความเดือดร้อน เสมือนจับคนกรุงเทพฯ เป็นตัวประกัน ปิดกั้นขัดขวาง สิทธิการเดินทาง สิทธิการประกอบอาชีพของคนอื่น แต่ยังอ้าง “สันติ อหิงสา”

2) “กองทัพใต้ดิน” ออกปฏิบัติการสร้างสถานการณ์ วางระเบิด โยนระเบิด ยิงปืนใส่สถานที่สำคัญๆ หวังให้เกิดการปั่นป่วน ผู้คนบาดเจ็บ อาจล้มตาย เพื่อทำลายความน่าเชื่อถือของรัฐบาลอภิสิทธิ์ รวมทั้งข่มขู่รัฐบาลอยู่ในทีว่า หากไม่ได้ตามที่ต้องการก็จะเพิ่มความรุนแรงมากขึ้นเรื่อยๆ

3) พรรคการเมือง “เพื่อไทย” มีหน้าที่ทำงานในสภา เพื่อหาทางปั่นป่วนการประชุมสภา การบริหารราชการ เตะตัดขาทุกวิถีทาง ตั้งแต่ไม่เข้าประชุม ขัดขวางการประชุม หรือเวลาประชุมก็ใช้วิธีประท้วง กระทู้ยุแหย่ กล่าวร้าย โกหกบิดเบือน โดยที่การพัฒนากฎหมาย ญัตติ และการควบคุมการบริหารราชการแผ่นดิน มิได้เป็นไปตามครรลองของระบอบประชาธิปไตย รัฐสภาและฝ่ายนิติบัญญัติ จึงกลายเป็นตัวถ่วง ไม่ให้ประเทศเดินหน้า ฝ่ายบริหารต้องพะวงอยู่กับการแก้เกมในสภา เสียทั้งเวลา เสียทั้งงบประมาณของรัฐสภา

ส.ส.พรรคเพื่อไทย ก็ผลัดเปลี่ยนขึ้นเวทีการแสดงของ 3 เกลอ โดยไม่เลือกว่าสิ่งที่พูดบนเวที จะขัดแย้ง เหมาะสมกับการทำหน้าที่ของ ส.ส.และรองประธานสภาผู้แทนราษฎร หรือไม่

ทั้ง 3 ส่วนข้างต้น มีแนวร่วมผสมโรง อย่างน้อย 3 ฝ่าย คือ

หนึ่ง พวกที่จงรักภักดีกับทักษิณ ที่หวังได้ประโยชน์และเคยได้ประโยชน์จากระบอบทักษิณ

สอง พวกอุดมการณ์ล้มเจ้า คอมฯ เก่า ที่ยังหลงยุคในปัจจุบัน มุ่งหวังยืมมือและคนของระบอบทักษิณ โดยหวังจะพลิกฟ้า คว่ำแผ่นดินให้ได้ในระยะยาว พวกนี้จะฉลาดพอที่จะรู้ว่าการแตกหักในระยะสั้น การยุบสภาเลือกตั้งใหม่ คงไม่ช่วยให้อุดมการณ์ของตนเป็นจริงในเวลารวดเร็ว แต่การกัดเซาะ บ่อนทำลาย น่าจะเป็นเป้าหมายที่มุ่งหวังมากกว่า

สาม ทหารรับจ้าง ส.ส.รับจ้าง และผู้ชุมนุมรับจ้าง ซึ่งเป็นไปตามธรรมชาติของผู้รับจ้างที่ยินดีทำตามนายจ้าง พฤติกรรมจึงไม่สลับซับซ้อน ให้ไปชุมนุมที่ไหนก็ไป ให้ปฏิบัติการวินาศกรรมที่ไหนก็บอก และจะให้ปั่นป่วนสภาตอนไหน เมื่อใด ก็ขอให้บอก.. จะจัดให้..

ความซับซ้อนของการเมืองเรื่องอำนาจ และการชิงอำนาจในประเทศไทย จึงยากที่จะเข้าใจ และยากที่จะทำนายว่ามันจะ “ลงเอยอย่างไร?”

ผมได้รับบทความที่เขียนโดยอดีตนายทหารอาวุโส ผู้มีประสบการณ์ในการทำปฏิวัติรัฐประหารมาแล้วหลายครั้ง ผู้เข้าใจการเมืองไทยดีคนหนึ่ง จนสามารถผ่านการเลือกตั้ง ได้เป็นประธานวุฒิสภามาแล้ว

อ่านบทความแล้ว ก็ได้แต่เป็นห่วงบ้านเมือง และคงจะเหมือนกับเจ้าของบทความ ที่อยากเห็นบ้านเมืองสงบ มีสันติสุข ผมจึงขอคัดลอกบทความของ “พล.ต.มนูญกฤต รูปขจร” มาให้อ่าน เพื่อจะได้ช่วยกันคิดอ่าน กระทำให้บ้านเมืองเกิด “สันติ” ดังนี้

“ยุทธวิธีของ พคท.ในเสื้อแดง

เมื่อ 3 เกลอไม่ใช่ตัวจริงของ พคท. ขั้นตอนต่อไปจึงเป็นการดำเนินการเพื่อทำลายขบวนการ 3 เกลอ เมื่อทำลาย 3 เกลอแล้ว ตัวจริงของ พคท.จะขึ้นมาเป็นผู้นำทางการเมืองในขั้นตอนต่อไป

สถานการณ์ปัจจุบัน แนวร่วม พคท.ยังคงพยายามรักษาสถานการณ์ไม่ให้ทักษิณชนะทางการเมือง เพราะต้องการรักษาทักษิณไว้เป็นแนวร่วมของ พคท.ต่อไป (ปล.3 เกลอถูกโดดเดี่ยวจาก พคท. บูลินบูโลของเสื้อแดง) ให้ 3 เกลอถูกรัฐบาลเล่นงานเพื่อเป็นเงื่อนไขให้มีการเคลื่อนไหวต่อ

3 เกลอเป็นวีรชนเอกชนที่อยากดัง แต่มีคุณสมบัติไม่พอที่จะเป็นผู้นำทางการเมือง (การทำลาย 3 เกลอ มาจากภายในเสื้อแดงที่ส่งข้อมูลให้รัฐบาลเพื่อทำลาย 3 เกลอ ให้เกิดเงื่อนไขเพื่อที่จะขึ้นมานำทางการเมืองของกลุ่มเสื้อแดงแทน 3 เกลอ ทั้งนี้ เพื่อให้เกิดภาพปรากฏโดยทั่วไปว่า 3 เกลอถูกประชาธิปัตย์ทำลาย ให้ส่งผลสู่การเกิดเงื่อนไขใหม่ กล่าวคือ ยอมเสีย 3 เกลอ เพื่อให้เกิดการต่อสู้ทั่วประเทศ และให้มีเงื่อนไขในการต่อสู้ต่อไป)

จตุพร และณัฐวุฒิ จึงเปรียบเป็นได้เพียงเศษแดนของ พคท. เป็นวีรชนที่ต้องเสียสละเพื่อให้การต่อสู้ดำเนินต่อไปได้

โดยขั้นตอนต่อไป อาจมีการลอบฆ่าผู้นำเสื้อแดง เช่น จตุพร ณัฐวุฒิ เพื่อใช้เป็นเงื่อนไขในการปลุกระดมมวลชนเสื้อแดงให้ลุกขึ้นมาสู้อีกครั้ง หรือเรียกได้ว่าเป็นการจัดฉากเพื่อสร้างการจลาจลครั้งใหญ่

หมายเหตุ : นี่คือแนวทางการสร้างเงื่อนไขใหม่ เพื่อให้เสื้อแดงมีเงื่อนไขในการลุกขึ้นมาสู้อีกครั้ง ซึ่งจะสามารถสู้ได้อีกระยะหนึ่ง ดังนั้น สิ่งที่อันตรายที่สุดคือ การก่อวินาศกรรม การก่อวินาศกรรมเป็นการต่อสู้ที่ไม่นำไปสู่การเปลี่ยนแปลงทางการเมือง แต่จะทำให้บ้านเมืองตกอยู่ในสภาพเดียวกับภาคใต้ คือ มีการเข่นฆ่ากันเป็นเรื่องปกติซึ่งเกิดขึ้นในชีวิตประจำวัน แต่การเมืองไม่เปลี่ยน อำนาจรัฐไม่เปลี่ยน

การก่อวินาศกรรม คือการรักษารูปการต่อสู้ เหมือนการต่อสู้ของนักมวยบนเวที ซึ่งตั้งการ์ดแสดงไว้เพื่อให้รู้ว่า “กูยังสู้อยู่บนเวที”

การก่อวินาศกรรมจึงเปรียบเสมือนการทุบรัฐบาลจนน่วม แล้วจึงประกาศแนวทางและนโยบายทางการเมืองของฝ่ายเสื้อแดง ดังนั้น พคท.จึงต้องชนะทางการเมืองเสียก่อน แล้วจึงสามารถประกาศเขตการปกครองตัวเองได้

- พคท.จึงต้องมีกองทัพเป็นของตัวเองเพื่อเป็นหลักประกันชัยชนะ

- มีการเมืองที่นำเสนอได้ เช่น รูปแบบการปกครองเพื่อนำเสนอผลประโยชน์สูงสุดจนส่งผลให้ประชาชนส่วนใหญ่เห็นด้วย

หมายเหตุ : สถานการณ์ การก่อวินาศกรรม จะเปลี่ยนแปลงเป็นการก่อการร้ายในกรุงเทพฯ และทั้งประเทศไทย ดังนี้

1. กรุงเทพฯ และปริมณฑล ก็จะมีสภาพคล้าย 3 จังหวัดภาคใต้ (นราธิวาส, ยะลา และปัตตานี)

2. กรุงเทพฯ จะมีสถานการณ์รุนแรงขึ้น ถ้าแก้ไขไม่ได้ ก็จะเป็นคล้ายไซ่ง่อน เวียดนามใต้ ก่อนสิ้นสภาพ

3. ประเทศไทยจะคล้ายเขมร 3 ฝ่าย และสิ้นระบอบการปกครองที่เป็นอยู่ในปัจจุบัน

ถ้าวันนี้ ไม่แก้ด้วยประชาธิปไตยแบบธรรมาธิปไตย”

วันเสาร์ที่ 3 เมษายน พ.ศ. 2553

ชุมนุมไป..วีดีโอลิงค์ไป..ขว้างระเบิดไป!

สอดแนมการเมือง
โดย...ชัชวาลย์ ชาติสุทธิชัย




หลังนักโทษชายหนีคุก ทักษิณ ชินวัตร ถูกศาลฯตัดสินยึดทรัพย์ 46,737 ล้านบาท

ทั้งที่เป็นเงินได้มาโดยไม่โปร่งใสชี้แจงที่มาที่ไปไม่ได้ แต่นักโทษหนีคุก ทักษิณ ชินวัตร ก็โกรธราวไฟบรรลัยกัลป์ จนต้องควักเงินก้อนมหึมาให้พวก 3 เกลอ กับสส.ทาสในพรรคตนว่าจ้างและหลอกผู้คนให้สวมเสื้อแดงมาชุมนุมกัน

เพื่อให้สะใจทักษิณ..ที่นับวันจิตวิปริตหนักขึ้น แถมกายก็ป่วยด้วยโรคร้ายแรงรุมเร้า ทักษิณกับพวกแกนนำเสื้อแดงเลยฝันเฟื่องว่า ครานี้..จะมีรถปิ๊กอัพนับแสนคันขนคนเสื้อแดงเป็นล้านมาชุมนุมใหญ่กันที่..บางกอก!

ท่ามกลางการชุมนุมของคนเสื้อแดง ทักษิณมักใช้วีดีโอลิงค์จ้อมาจากต่างประเทศ เพื่อด่ากราดอำมาตย์ใหญ่น้อย รวมทั้งปลุกระดมคนเสื้อแดงให้ลุกขึ้นสู้-สู้-สู้ สู้เพื่อผลประโยชน์ของตัวกู(ทักษิณ) สู้เพื่อยึดอำนาจรัฐกลับมาสู่กำมือกู(ทักษิณ)อย่างเปิดเผยแทบทุกค่ำคืน

ตำรวจ“หน้าเหลี่ยม”ที่จบวิชาอาชญวิทยา ย่อมไม่เล่นไพ่หน้าเดียวอย่างแน่นอน ดังนั้น..ประเทศไทยจึงเกิดเหตุการณ์พร้อมๆกันหลายอย่าง นั่นคือ มีทั้งการจ้างและหลอกคนเสื้อแดงให้มาชุมนุมป่วนกรุงเทพอย่างสันติฯ โดยมีนักโทษชายหนีคุกก่อการร้ายด้วยปากผ่านวีดีโอลิงค์ จาบจ้วง-ให้ร้ายป้ายสี-สถาบันสูงสุดอย่างเปิดเผย รวมทั้งใช้กองกำลังลับๆก่อความรุนแรงด้วยอาวุธสง
ครามนานาชนิด

ดังนั้น รอบนอกที่ชุมนุมของคนเสื้อแดง จึงมี“มือมืด”ขว้างระเบิด-ยิงปืนเล็ก-ยิงปืนใหญ่เอ็ม79 เข้าใส่สถานที่..ที่ทักษิณถือเป็นปรปักษ์ เช่น ธนาคารกรุงเทพ บ้านของประธานศาลปกครอง ศาลากลางจังหวัดนนทบุรี สถานที่ราชการของศาลสถิตยุติธรรม ตึกปปช. มูลนิธิรัฐบุรุษของพล.อ.เปรม และที่อื่นๆอีกกว่า 20 ครั้งแล้ว!


วันนี้สังคมไทยและสังคมโลกต่างรับรู้ว่า ทักษิณกระทำความผิดในห้วงเป็นรัฐบาลบริหารชาติ เป็นนักโทษที่หลบหนีคดีอาญาตะลอนอยู่ในต่างประเทศ และใช้เงินจ้างคนชั่วกลุ่มหนึ่งมาเป็นกองกำลังส่วนตัว ทำการก่อการร้ายเผาบ้านเผาเมือง จนเป็นอันตรายต่อความมั่นคงของชาติไทย

ทักษิณมีเป้าหมายล้มล้างรัฐบาอภิสิทธิ์-ล้มอำมาตย์ ทักษิณทำศึกหวังยึดอำนาจรัฐกลับคืนมาไว้ในกำมือ เพื่อใช้อำนาจรัฐมาแก้ความผิดทั้งปวงจากการโกงชาติของตน และแสวงหาผลประโยชน์เท่านั้นเอง

กองกำลังของคนเสื้อแดงน่ากลัวไหม? ไม่เลย..เพราะกองกำลังเสื้อแดงนั้นไร้ความชอบธรรม เพราะสู้เพื่อคนชั่วเพียงคนเดียว การชุมนุมคราครั้งนี้..จึงไม่มีคนเสื้อแดงมาเป็นล้าน ดังคำคุยโม้คุยโตของทักษิณและพรรคพวก เพราะระดมกันอย่างเต็มที่แล้ว..ก็มาได้สูงสุดแค่ 7-8 หมื่นคนเท่านั้น และการชุมนุมนับวันอ่อนแอลงเรื่อยๆ

แต่น่าตลก..ที่นายกฯอภิสิทธิ์ซึ่งหวังเพียงสร้างภาพพจน์ ในความเป็นนักประชาธิปไตยที่ใจกว้าง กลับดันลดตัวลงไปนั่งเจรจากับหุ่นเชิดทักษิณ ทั้งๆที่รู้อยู่แก่ใจว่าวีระ-เหวง-จตุพร เป็นแค่ทาสน้ำเงินที่ไม่มีอำนาจเด็ดขาด ในการตัดสินชี้ขาดการชุมนุมของคนเสื้อแดง

การเจาจร 2 ครั้ง จึงเป็นแค่การแสดงละคร เป็นโอกาสทองให้ลูกสมุนผู้ก่อการร้ายทักษิณ มานั่งซักฟอกนายกฯอภิสิทธิ์ถ่ายทอดสดออกทีวีพูล โดยมีนายกฯรูปหล่อนั่งแก้ต่างข้อกล่าวหาของ 3เกลออยู่ตลอดเวลา ฯลฯ

นายกฯอภิสิทธิ์ทำได้แค่โชว์ความสามารถ ในการแก้ข้อกล่าวหาของ 3 เกลอเก่ง โชว์ภาพความเป็นผู้ดีที่เหนือกว่า 3 เกลอราวฟ้ากับเหวเท่านั้นเอง ทั้งๆที่ผู้คนในสังคมต่างรู้แจ้งกันอยู่แล้วว่า นายกฯอภิสิทธิ์เป็นคนดี ภาพดี ความรู้ดี กว่าบรรดา 3 เกลออย่างชนิดไม่ติดฝุ่น ดังนั้น..การเจรจาจอมปลอมแบบนี้ จึงไม่มีวันจะแก้ปัญหาให้บ้านเมืองสงบลงได้เลย!

สุดท้ายนายกฯอภิสิทธิ์ต่างหากที่เพลี่ยงพล้ำ เสียทีหลุดปากจะยุบสภาในอีก 9 เดือนข้างหน้า ทั้งๆที่เวลาครบเทอมของรัฐบาลนี้ยังเหลืออีก 1 ปี 9 เดือน

การยุบสภาในสภาวะที่รัฐบาลอภิสิทธิ์ยังแก้ปัญหาทักษิณไม่ได้ ทักษิณยังทำผิดกฏหมายและยังลอยนวลป่วนบ้านป่วนเมือง การยุบสภากลับจะยิ่งสร้างปัญหาเพิ่มขึ้น-ยุ่งยากมากขึ้น-บานปลายหนักขึ้นในอนาคต

ที่สำคัญการยุบสภา..ต้องเป็นความขัดแย้ง ระหว่างรัฐสภากับฝ่ายบริหารหรือรัฐบาล แต่นายกฯอภิสิทธิ์กลับหลงไปเจรจาเรื่องยุบสภากับกลุ่มคนเสื้อแดง สุดท้ายก็แพ้พ่าย..ถูกบีบคั้นรุกไล่จนต้องยอมยุบสภาก่อนเวลาอันควร แม้นจะมิได้ยุบสภาภายใน 15 วันตามคำขาดของคนเสื้อแดง แต่ก็ต้องยุบสภาในอีก 9 เดือนข้างหน้ามิใช่หรือ?!

รัฐบาลอภิสิทธิ์ก็รู้อยู่แก่ใจว่า ทักษิณและขบวนการคนเสื้อแดงนั้น มิใช่ขบวนการเรียกร้องประชาธิปไตยอย่างแท้จริง แถมยังเคยกระทำความผิดถึงขั้นเผาบ้านเผาเมืองมาแล้ว เท่านั้นไม่พอ..ยังมีขบวนการล้มเจ้าล้มพระมหากษัตริย์ซ่องสุมทำงานอยู่ด้วย

แทนที่นายกฯอภิสิทธิ์จะใช้กฏหมายอย่างเคร่งครัด ดำเนินการให้บ้านเมืองกลับคืนสู่ความสงบ ใช้เวลาที่เหลือ 1 ปี 9 เดือน ปฏิรูปการเมืองไทยครั้งใหญ่พร้อมๆไปกับการปฏิรูปสื่อ รวมทั้งขจัดการซื้อสิทธิขายเสียงก่อนจะมีการเลือกตั้งครั้งใหม่ ฯลฯ

นายกฯอภิสิทธิ์กลับดันไปยกระดับผู้ก่อการร้าย ที่กระทำผิดกฏหมายเหล่านั้น ด้วยการลดตัวลงไปเจรจาด้วยกับทาสน้ำเงิน เพียงเพราะต้องการสร้างภาพพจน์ความเป็นนักประชาธิปไตยเท่านั้น

ผลลัพธ์..ก็คือ..ละครการเจรจาล้มเหลว สะท้อนให้เห็นถึงรัฐบาลอภิสิทธิ์แก้ปัญหาไม่ตรงจุดหรือทำงานไม่เป็น เพราะการแก้ปัญหาทักษิณป่วนเมืองนั้น ต้องแก้ไขด้วยการใช้สื่อของรัฐทุกมิติที่มีอยู่อย่างมากมาย เสนอเนื้อหาข้อเท็จจริงให้ประชาชนคนไทย ได้รับรู้ถึงความชั่วร้ายของทักษิณและพลพรรค ด้วยรูปแบบที่ชวนติดตามมีเหตุมีผลอย่างรอบด้าน

สงครามสื่อ..คือ..สงครามที่ช่วยไม่ให้เกิดสงครามหลั่งเลือด สงครามสื่อเป็นสงครามที่ลดหรือขจัดความแตกทางความคิดของผู้คนในสังคม สงครามสื่อ..เป็นการทำสงครามความจริงทำลายความเท็จ สงครามสื่อ..เป็นสงครามดึงมวลชน..ใครทำความเข้าใจได้ดีกว่า ก็จะได้ครองใจประชาชนคนส่วนใหญ่ครับ

นายกฯอภิสิทธิ์นอกจากไม่ใช้สงครามสื่อ กระจายความจริงไปสู่ประชาชนแล้ว ยังปล่อยให้ทักษิณใช้สื่อ ส่งเชื้อร้ายแห่งความโป้ปดมดเท็จกระจายไปสู่ประชาชนอย่างเสรี โดยไม่ดำเนินการยับยั้งหรือใช้กฏหมายยุติการแพร่ความเท็จเหล่านั้นเลย

จึงไม่น่าแปลกใจที่คนไม่รู้เท่าทันทักษิณ จึงถูกหลอกมากขึ้น..ขบวนการคนเสื้อแดงเติบโตขึ้นเรื่อยๆ ขบวนการจาบจ้วงสถาบันเบื้องสูง จึงเหิมเกริมขยายตัวทั้งลับและเปิดเผยมากขึ้น ด้วยรัฐบาลอภิสิทธิ์อ่อนแอและละเลยต่อหน้าที่ในฐานะรัฐบาล มิได้ใช้กฏหมายอย่างตรงไปตรงมา รัฐบาลอภิสิทธิ์ดำรงอยู่เพียงแค่รักษาสถานะ ให้รัฐบาลของตนอยู่รอดไปวันๆเท่านั้นเอง

สภาพรัฐบาลอ่อนแอ-ขลาดเขลา-ไม่กล้าใช้ตัวบทกฏหมาย จัดการลงโทษขบวนการคนชั่ว ที่ป่วนบ้านเมือง ไม่ยอมใช้อำนาจรัฐสร้างความสงบสันติให้กับสังคมอย่างรัฐบาลอภิสิทธิ์ จึงมีคำถามผุดขึ้นมากมายว่า..แล้วเราจะมีรัฐบาลหน่อมแน้มอย่างนี้ไปทำไมกันล่ะ..?

วันนี้..สังคมไทยเลยจมอยู่ในห้วงทุกข์ เพราะมีคนเสื้อแดงทำผิดกฏหมายเกลื่อนเมือง มีทักษิณวีดีโอลิงค์ด่าอำมาตญ์สนุกปากทุกวัน มีมือมืดขว้างระเบิด-ยิงปืนเล็ก-ปืนใหญ่กันสนุกมือ ส่วนนายกฯอภิสิทธิ์ก็ทำได้แค่ตั้งรับ และลดตัวลงเจรจากับลูกทาสของทักษิณเท่านั้นเองหรือ?

รัฐบาลอภิสิทธิ์..ยังสบายดีหรือ ที่ปล่อยให้ชาติไทยถูกคนชั่วไม่กี่คนครองเมือง ดังทุกวันนี้..เอวังด้วยประการฉะนี้แล..?

http://www.manager.co.th/Daily/ViewNews.aspx?NewsID=9530000046129

วันศุกร์ที่ 2 เมษายน พ.ศ. 2553

จดหมาย เปิดผนึก ถึง "จตุพร พรหมพันธุ์"




จดหมาย เปิดผนึก ถึง "จตุพร พรหมพันธุ์"

ถึง คุณจตุพร พรหมพันธุ์

จาก เจ นิวยอร์ก

ผมไม่ชอบที่ในการเจรจาของคุณ ที่คุณชอบใช้คำว่า "คนไทย" โดยบอกว่า คนไทยไม่ชอบอย่างนั้น คนไทยไม่ชอบอย่างนี้ ผมต้องชี้แจงว่า ผมเป็นคนไทย "คนไทยแท้" แต่ผมไม่ใช่พวกคุณ ถ้าคุณจะบอกว่าพวกคุณไม่ชอบที่มาของการแต่งตั้งนายก ของนายอภิสิทธิ์ ก็ไม่ต้องใช้คำว่าคนไทย เพราะคนไทยเกือบครึ่ง หรือกว่าครึ่งไม่ได้เห็นด้วยกับคุณ ถ้าจะอ้างถึงกลุ่มของคุณ ขอให้คุณระบุไปเลยว่า "คนไทยทาสทักษิณ" หรือ "คนไทยหัวใจกัมพูชา" แต่อย่ามาแอบอ้างชื่อคนไทยแท้ที่รักชาติมากกว่าเศษเงินคนขายชาติอย่างพวกผม

การ เจรจาของคุณในวันทีสองนี้ (29 มี.ค.) คุณได้ข่มขู่นายกอภิสิทธิ์ ตั้งแต่เริ่มเจรจา ว่าอาจจะมีการนองเลือดแล้วนายกจะอยู่ไม่ได้ คุณเอาเลือดเนื้อ/ชีวิต ผู้บริสุทธิ์มาเป็นตัวประกัน เพื่อเรียกค่าไถ่แลกกับการยุบสภา ขอถามว่าคุณต่างอะไรกับโจรจี้เครื่องบินเพื่อเรียกร้องบางสิ่งบางอย่าง คุณเรียกตัวเองว่านักประชาธิปไตย แต่ผม "คนไทยแท้" คิดว่าการกระทำของคุณไม่ต่างอะไรกับโจร

นายกอภิสิทธิ์ ได้ถอยมาก้าวหนึ่งแล้ว ลงมานั่งเจรจากับคุณ เพราะไม่ต้องการเห็นความขัดแย้ง หรือสูญเสียในชีวิตของประชาชน แต่คุณได้รับคำสั่งให้มาเรียกค่าไถ่จากประเทศไทย โดยการยุบสภา ซึ่งจะทุบเศรษฐกิจไทย และความเชื่อมั่นจากต่างชาติ แล้วการยุบสภาก็จะไม่ได้แก้ไขปัญหาความขัดแย้ง ปัญหาเศรษฐกิจ หรือปัญหาใดๆ ก็ตาม นอกจาก จะนำมาเพื่อความหวังให้เจ้านายของคุณได้เงินคืน และได้รับนิรโทษกรรม

ฉะนั้น หากประชาชนที่คุณนำมาเป็นตัวประกัน ต้องสูญเสียเลือดเนื้อหรือชีวิต ผมและประชาชนอีกหลายล้านคนจะรับรู้ว่าคุณเป็นคนทำร้ายคนเหล่านี้ คุณเป็นโจรเรียกค่าไถ่ ซึ่งเมื่อไม่ได้สิ่งที่ต้องการ ก็ฆ่าตัวประกัน หรือนำประชาชนผู้บริสุทธิ์ไปตาย ผมคิดว่าเสื้อแดงที่รับจ้าง คงไม่ยอมไปตาย นอกจากเสื้อแดงที่เชื่อในลัทธิของคุณอย่างบริสุทธิ์ใจ

และยังข่มขู่ นายกอภิสิทธิ์ว่าหากมีการปะทะ เสียเลือดเนื้อ นายกก็จะอยู่ไม่ได้ ผมจะบอกว่า คุณก็อยู่ไม่ได้เหมือนกัน หากมีการสูญเสียชีวิตคุณน่ะแหล่ะที่ต้องรับผิดชอบมากที่สุด

การเจรจา ในครั้งนี้ก็เห็นแล้วว่า คุณไม่ได้ใช้สมองมากนัก คุณไม่เหมาะจะมานั่งเจรจาแบบวิชาการ แต่เหมาะที่จะเป็นทาสทักษิณต่อไป เพราะทักษิณชอบคนใช้สมองน้อย ควบคุมง่าย ส่งไปตายแทนได้ การที่คุณเอาเรื่อง NAFTA และเรื่องเงินกู้มาพูดในที่เจรจาโดยไม่จำเป็น ทั้งยังไม่มีข้อมูลที่แท้จริง คุณอ้างว่านายกอภิสิทธิ์กู้เงินมากกว่าในยุคใดๆ จึงโดนท่านนายกตอกกลับว่าสมัยพ.ต.ท.ทักษิณเป็นนายกนั้น มีการกู้เงินมากกว่านี้

ในเวทีเสื้อแดง คุณจะพูดโกหกหลอกลวงยังไงก็ได้ เพราะประชาชนไม่มีข้อมูลที่แท้จริง คุณหลอกได้เฉพาะคนที่ไม่รู้ แต่ในโต๊ะเจรจานั้นเห็นได้ชัดว่าคุณไม่มีความรู้เลย สิ่งที่คุณพูดมาเกินครึ่งเป็นความเท็จ เป็นข้อมูลที่ไม่มีหลักฐานพิสูจน์ได้ และพอนายกชี้แจงออกมา ก็จะเห็นได้ว่าคุณเป็นฝ่ายจนแต้ม

ผมขอเขียน แค่นี้ก็แล้วกัน เพราะไม่ต้องการเสียเวลากับคุณมากนัก

เจ นิวยอร์ก

ThaiNewYork.com รายงาน